เช็คสภาพกระเป๋าใบโปรด
ก่อนอื่นเลย ให้ลองเอากระเป๋าของคุณใบโปรดมาปัดฝุ่น ทำความสะอาด เอาออกมาจากตู้เก็บของ ลองเช็คสภาพดูก่อนนะครับ ลองรูดซิปเปิดปิด เช็คล้อเลื่อนว่ายังหมุนอยู่ไหม หรือฝืดแล้ว เช็คทุกช่องใส่ของ มีรูโห่วรอยขาดตรงไหนไหมเอ่ย เพื่อความมั่นใจได้มั่นใจตลอดทริป
ถ้าสภาพไม่โอเค คุณจะได้มีเวลาซ่อมแซม หรือไปหาซื้อเป้ใบใหม่
คนที่ใช้กระเป๋าล้อลากแบบมีที่ล็อคในตัว ให้ลองทดสอบล็อค-ปลดล็อค หลายรอบนะครับ เคยมีบางคน พอไปถึงปลายทางแล้ว ระบบล็อคมีปัญหาเปิดไม่ออก ต้องเอาไขควงมาแงะกันวุ่นวายเลยครับ
สำหรับคนที่ใช้เป้ อย่าลืม ไปหาซื้อกุญแจเล็กๆ เตรียมมาล็อคหัวซิปของเป้คุณด้วยนะครับ บางคนอาจบอกว่าไม่จำเป็นเพราะไม่มีของมีค่า แต่ผมคิดว่าช่วยป้องกันกรณี ซิปเลื่อนเอง ทำให้กระเป๋าเปิดแล้วของภายในหล่นออกมา เกลื่อนได้ครับ และเห็นบางคนบอกว่าถ้าของภายในกระเป๋าคุณที่หล่นออกมาแล้วไปทำให้กระเป๋าคนอื่นเสียหาย คุณอาจมีเรื่องมีราวได้นะ
1. ขนาดเลือกให้เหมาะสมกับการเดินทาง ใบใหญ่เบิ้มจุได้เยอะ ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
สาวๆ หลายคนเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อไว้เยอะ Accessories ต่างๆ หมวกปีกกว้าง อุปกรณ์ต่างๆอีกมายมาย ทำให้ต้องใช้กระเป๋าใบใหญ่ไว้ก่อน ผลปรากฏว่า ตอนออกเดินทางออกจากเมืองไทย อาจจะยังไหวเพราะมีคนขับรถไปส่ง หรือมีคนช่วยในการยกกระเป๋า แต่พอไปถึงปลายทางไม่มีคนช่วย ลองคิดสภาพดูถ้าคุณต้องลากกระเป๋าใบใหญ่เข้าสถานีรถไฟฟ้าเอง ลากไปตามทางเดิน ข้ามถนนกว่าจะถึงโรงแรม หรือต้องแบกขึ้นบันไดโรงแรม เพราะโรงแรม Hostelบางแห่งอาจอยู่ชั้นสอง ชั้นสามของตึก ด้วยเหตุนี้จึงควรเอาเฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเลือกกระเป๋าที่มีขนาดที่เหมาะสมกับกำลังของคุณ รวมถึงน้ำหนักด้วย บางอย่างที่ใหญ่มากไปก็อาจไม่ดีเสมอไปครับ (ไม่ควรใช้วิธีโยนให้แฟนแบกให้ เพราะอาจทะเลาะกันได้ 555) ยกเว้นว่าคุณวางแผนการเดินทางแต่แรกแล้วว่าจะเข้าเมืองโดยรถแท็กซี่ หรือถ้าคุณมีการเปลี่ยนโรงแรมหลายแห่ง จะยิ่งทุลักทุเลนะครับ
2. มีกระเป๋าใบเล็กๆ มากเกินไป ก็พะรุงพะรังเกะกะ แถมทำให้หลงลืมง่าย
บางคนใช้หลายกระเป๋าเกินไป มีกระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋าของใช้ส่วนตัว กระเป๋าเอกสารสำคัญสามใบ เดินทางทีนึงมีกระเป๋าสามสี่ใบ ทำให้ต้องแบกใส่หลัง อีกใบเอามาคล้องคอเต็มตัวไปหมด มือขวาถืออีกใบเต็มตัวไปหมด (ผมเคยเป็นมาแล้ว) เสี่ยงต่อการลืมเป็นที่สุด แล้วเวลาจะใช้อะไรก็ต้องนึกว่าเก็บของไว้ในกระเป่าใบไหนกันแน่หว่า
ไม่ควรเกินสามใบต่อคนนะครับ ประกอบด้วย
1.กระเป๋าเสื้อผ้า
2. กระเป๋าสำหรับใส่เอกสารติดตัว ประกอบด้วยพาสปอร์ต เอกสารจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน แผนที่ท่องเที่ยว เอกสารสำคัญเป็นต้น
3. กระเป๋าเพิ่มเติม ( กรณีกระเป๋าเสื้อผ้าเต็มจริงๆ)
มากกว่านั้นจะเกะกะการเดินทางมาก
3.ควรมีวันซ้อมใหญ่ ทดลองใส่เสื้อผ้า และเดินแบกก่อนวันเดินทางจริง
อันนี้ผมใช้ทุกทริปครับ โดยมากผมมักใช้เป้ ผมจะมีวันซ้อมใหญ่ทดลองใส่ของเหมือนจริงทุกอย่าง ใส่เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ส่วนตัว รูดซิปแล้วนำไปชั่งน้ำหนักว่า
ไม่เกินจากน้ำหนักที่เราได้รับสิทธิ์รึเปล่าว เกิน7 กิโลกรัม ,15 กิโลกรัม,20 กิโลกรัม
หลายคนไม่ได้ลองชั่งน้ำหนักก่อน พอไปถึงสนามบินปรากฏว่าน้ำหนักเกิน ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มหน้างาน ซึ่งราคาแพงกว่าตอนซื้อล่วงหน้าพร้อมตั๋วเครื่องบินนะครับ หรือต้องใช้วิธีรื้อกระเป๋าออกมาใหม่แล้วแบ่งเสื้อผ้าไปใส่กระเป๋าเพื่อนให้ชุลมุนไปหมด
รวมถึงให้ลองแบกเป้หรือกระเป๋าสักพัก ว่าสภาพเป้ของเรารับไหวไหมยังแข็งแรงแน่นหนาอยู่ไหม เราสามารถแบกได้สะดวกรึเปล่าว ไม่ใช่แบกไปสามนาทีแล้วปวดหัวไหล่ เจ็บหลังนะครับ แบบนี้ก็ควรรีบเปลี่ยนใบใหม่เพราะอาจไม่รับกับสรีระเรา หรือเอาของที่ไม่จำเป็นออกเสีย
อาจจะเหมือนพวกบ้าเห้อ แต่ที่จริงผมว่า ทำให้เราสามารถตรวจสอบน้ำหนัก สภาพกระเป๋าได้ดีที่สุดครับ
4.ควรมีกระเป๋าสำรองเผื่อไว้ในกรณีซื้อของฝาก หรือฉุกเฉินกระเป๋าขาด
บางคนที่เป็นนักช็อป ชอบซื้อของ คุณแม่ฝากซื้อกระเป๋า คุณเพื่อนฝากซื้อเครื่องสำอาง อย่าลืมเตรียมพื้นที่ว่างสำหรับของฝากในขากลับ หรือพับกระเป๋าสำรองเผื่อไว้ก็ดีครับ ไม่งั้นอาจต้องเสียเงินไปซื้อกระเป๋าใบใหม่ที่ต่างแดนให้เปลืองเงิน พับๆไปเผื่อไว้เลยดีกว่าครับ
5. กระเป๋าที่จะโหลดไปกับเครื่องบิน อย่าลืมล็อคกุญแจให้เรียบร้อยทุกใบ
สำหรับคนที่โหลดกระเป่า อย่าลืมรูดซิปปิดช่องต่างๆให้เรียบร้อย ทั้งช่องด้านหน้า ด้านข้างแล้วล็อคกุญแจ กระเป๋าแบบดีหน่อยก็จะมีที่ล็อคให้กับตัวกระเป๋าเลย แต่ถ้าไม่มีก็เพียงซือกุญแจเล็กๆ ราคาประมาณ 25-40 บาท ล็อคหัวซิปให้ดีครับ เพือป้องกันกรณีของข้างในหลุดออก รวมถึงป้องกันการขโมยของต่างๆด้วยครับ
6. ตกแต่งกระเป๋าให้ไม่ซ้ำใคร เพื่อให้หาได้ง่าย
เมือก่อนผมใช้แต่เป้สีดำเรียบๆ เมื่อถึงโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องก็ไม่คิดอะไร พอถึงเวลาไปรอกระเป๋าที่ออกมา พร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆอีกเป็นร้อยๆ มารอรับแล้วมีนมากเลยครับ เพราะมีแต่กระเป๋าสีดำเต็มไปหมด เห็นสายพานมีกระเป๋าสีดำก็ต้องเข้าไปดูใกล้ๆ เวลาจะหยิบก็ต้องสังเกตมากว่าใช้่รึเปล่าว แถมกลัวคนอื่นมาหยิบผิดด้วย ตอนหลังผมจะมีการตกแต่งทำสายรัดสีแปร้ดให้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร บางคนอาจติดสติ๊กเกอร์เก๋ๆ ทำสายรัดลายการ์ตูน ก็สะดวกไปอีกแบบครับ หาวิธีอะไรก็ได้ที่ทำให้กระเป๋าเราไม่ซ้ำใคร
7. กระเป๋าล้อลาก หรือเป้แบบไหนก็ดีทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะไปและกำลังของคุณ
หลายคนสงสัยว่าจะเลือกใช้กระเป๋าแบบไหนจะดีกว่ากัน ต้องขอบอกว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยดังนี้
เงิน กระเป๋าล้อลาก มักจะมีราคาระดับหลักพัน ในขณะที่เป้มีราคาเพียงไม่กี่ร้อยก็มี โดยเฉพาะถ้าเป็นทริปสองสามวัน เป้ธรรมด้าธรรมดาก็เพียงพอครับ หรือแบบดีๆที่ฝรั่งใช้กันก็สามารถจุจะได้มากมายมหาศาลครับแต่ราคาก็หลายพันเทียบเท่ากับล้อลากเลยครับ ดังนั้นถ้ากระเป๋าเดิมมีอยู่แล้ว ก็ลองหยิบมาดูว่าสามารถใช้ได้กับการเดินทางของคุณรึเปล่าวรึเปล่าวนะครับ
สถานที่ที่เราจะต้องเดินทางไป ถ้าเป็นเมืองที่ทันสมัย มีถนนหนทางและมีรถไฟฟ้าที่สะดวกสบายดีแบบสิงค์โปร์ ไต้หวันนีใช้ล้อลากได้เลยครับ เพราะมีทางลาดฟุตบาทก็เรียบสามารถลากไปได้เบา ดีกว่าจะต้องมาแบกใส่หลังให้เมื่อย แต่ถ้าคุณไปเที่ยวเมืองที่ต้องขึ้นรถเมลล์ ทางเดินเป็นฝุ่น ขึ้นภูเขา กระเป๋าล้อลากพาเป็นสิ่งสยองสำหรับคุณไปเลย อาจจะต้องกลายเป็นจ่ายค่าแท็กซี่ ซึ่งแท็กซี่บางประเทศคุณต้องจ่ายค่ากระเป๋าเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่ามิเตอร์โดยสารอีกต่างหากนะครับ
อย่าลืม เผื่อน้ำหนักกระเป๋าสำหรับของฝากในขากลับด้วยนะครับ บางคนที่ใช้เป้ ตอนเดินทางไปน้ำหนักกระเป๋าอาจจะยังไหวกับร่างกายตัวเอง แต่พอซื้อของฝากใส่เพิ่มมาปรากฏว่าเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลกรัม จนกระเป๋าขาด ซิปแตกนะครับ หรือแบกไม่ไหว กรณีนี้เห็นบ่อยตาม Counter Check in จะซื้ออะไรก็ดูๆหน่อยนะครับ สงสารกระเป๋าบ้าง