วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

(มาเลเซีย ตอนที่ 5) Cameron Highland ....อากาศดีเชียว

                          วันนี้ BearIndyz พร้อมกับเพื่อนสาวแสนเก๋ ไปเที่ยว Cameron Highland กัน วันนี้ออกกันมาที่ Puduraya กันแต่เช้า ขึ้นไปซื้อตั๋วโดยสารกันที่ชั้นสาม มีคนเชียรตั๋วเยอะจนน่ารำคาญครับ ได้ตั๋วมาแล้วก็ มารอที่ชานชาลา  ใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรประมาณ 4 ชั่วโมง 
  
                หลับ...กิน ...กิน หลับไปตลอดทาง ( BearIndyz เตรียมเสบียงไว้แล้ว เป็นขนมปังเจ้าอร่อย  อันละ 10 บาท)

               พอมาถึงแล้วรถจอดตรงท่ารถเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก มาถึงช่วงประมาณบ่ายโมง บรรยากาศแวดล้อมไปด้วยภูเขา  อากาศเย็นเหมือนภาคเหนือเลย สดชื่นหายใจเต็มปอด  เริ่มต้นกับการเดินหาที่พัก ปรากฏว่าจุดที่ลงรถเป็นย่านที่มีโรงแรมน้อยน่ะครับ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ถ้าเรียกแท็กซี่ให้ไปต่ออีกหน่อยจะมีย่านตัวเมือง มีร้านอาหาร และที่พักหนาแน่น แต่ว่าผู้คนก็เยอะมาก ค่อนข้างแออัด)

               หลายที่เต็มแล้ว หลายที่สภาพไม่น่าอยู่เป็นตึกแถว สุดท้ายได้ที่พักห่างจากที่จอดรถประมาณ 10 นาที เดินเข้าไปในซอยนิดหน่อย ทรงเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ มีทั้งแบบ dorm และห้องเดี่ยว  สะอาดเอี่ยม ที่นี่ไม่มีแอร์นะครับเนื่องจากอากาศตอนเย็น อากาศจะเริ่มเย็นขึ้นๆ เรื่อยๆ ตอนกลางคืนนี่ต้องแอบแง้มหน้าต่างปิดเลยครับ
                 เจ้าของที่พัก หล่อ เซอร์ ภาษาอังกฤษไฟแล่บ (ซึ่งพูดเร็ว ไฟแล่บ ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง)  ตอนกลางคืนตอนเดินกลับมา เจอเจ้าของที่พัก นั่งดื่มเบียร์หน้าแดง...แล้วยิ้มมุมปากเล็กๆ  มันช่างเร้าใจเสียเหลือเกิน (แอบ...คิดชั่วร้ายอีกแล้วเรา) 


                
 หลังจากเก็บของ เก็บเสื้อผ้า อาบน้ำให้สดชื่นแล้ว จึงออกมาเดินสำรวจพื้นที่ ที่นี่อากาศดี มีภูเขาล้อมรอบ มีโรงแรม ซึ่งตรงโรงเรียนมีสนามหญ้ากว้างใหญ่ให้เด็กๆมาวิ่งเล่น มีลำธารใกล้ๆ วิวสวย อากาศเย็นสบายได้ฟอกปอดไปเลย







            
               .... ตอนเย็นแล้ว เริ่มหิว   ย่านที่พัก มีตึกแถวเรียงรายอยู่ มีร้านซุปเปอร์ท้องถิ่นใหญ่อยู่ มีร้านฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ท้องถิ่นด้วย แต่ BearIndyz ได้ขนมปังเจ้าโปรดจากซุปเปอร์มาเก็ต มาทาน ลั้นลา มีความสุข ซื้อมาหลายอันเลย 555

                เดินเหล่ไปทั่ว กินอะไรดีน้าาาา..พวกเราได้ไปกินข้าวร้านอาหารตามสั่ง  ไปเจอเจ้าของร้านเป็นคนไทยด้วย พี่เขาบอกว่ามาแต่งงานกันคนมาเลเซีย เลยย้ายกันมาอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว มีลูกแล้วด้วย....  ที่นี่ค้าขายดี  มื้อค่ำคืนนั้นเลยได้กินต้มยำรสแซ่บ ไทยแท้ๆ  

                  เวลาได้เจอคนไทยด้วยกันในต่างแดน รู้สึกดีครับ อบอุ่นใจดี
                  
                    จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ไปเจอร้านขายทัวร์ท้องถิ่น เป็นคุณลุงช่างพูด เฮฮาเชียร์แขกเก่ง พวกเราเลยตกหลุมพราง( ล้อเล่น 555) คือฟังรายละเอียดทัวร์แล้วน่าสนใจ ราคาไม่แพง พาไปทัวร์ 4-5 ที่ ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.  คิดคนละ 400 บาท  เลยตกลงจ่ายเงินไป
                   จากนั้นก็กลับไปนอน นอนหลับฝันดี ตื่นมาตอนเช้าอากาศเย็นเจี๊ยบ ดีนะ เอาเสื้อแขนยาวไปเผื่อไว้แล้ว

                    พอ 08.30 น. ก็ไปรอแกที่หน้าร้าน ในใจนึกว่า (ตรูจะโดนหลอกไหมเนี่ย)  โอเคร มีนักท่องเที่ยวคนอื่นมารออยู่ด้วยเช่นกัน  ไม่ได้โดนหลอกคนเดียวแน่  5555 สักพักรถตู้มารับบรรดานักท่องเที่ยวครับ โดยมากเป็นฝรั่ง คนจีน และมีคนไทยสองคนรวมกันประมาณ 10 คนนั่งอยู่ในรถตู้สภาพกลาง ไม่เก่ามาก  คนขับรถจะพูดบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ  ผมรู้เรื่องบ้าง, มั่วบ้าง, ฟังไม่ทันบ้าง ยิ้มๆ กันไป ไม่คิดมาก
                   โดยรถขับไปตามภูเขา ผ่านเมือง ผ่านไร่นาต่างๆ สักพักที่แรกที่พามาคือไร่ชา ที่สุดลูกหูลูกตา ได้พวกเราได้เดินชมไปถ่ายรูป เป็นครั้งแรกที่เห็นภูเขาเป็นไร่ชากว้างไกลขนาดนี้ ลงไปถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลิน แต่.....เขามีเวลาให้ 30นาทีนะครับ 

1.ไร่ชา
                      








 2. BOH Tea Center
            อันนี้เป็นโรงงานชาที่มีชื่อเสียงครับ มีทั้งโรงงาน ร้านกาแฟใหญ่  พอไปถึงก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงงานชามารับช่วงต่อ พาไปชมขั้นตอนการเก็บชา บ่มชา บรรจุชา เดินพาไปในโรงงานซึ่งมีกระจกกั้นไว้ ให้นักท่องเที่ยวเดิมชมเป็นกลุ่มๆ ผู้บรรยากาศเล่ารายละเอียดดีมาก มีมุขตลกสอดแทรกตลอด  ขนาด BearIndyz ภาษาอังกฤษแย่มาก ยังฟังเข้าใจ  หัวเราะไปกับเขาเลย









           เขาบอกว่า  เวลาดื่มชาแบบซองจุ่ม  อย่าจุ่มลงไปแค่สองสามครั้งแล้วดื่มเลย  ต้องแช่ทิ้งไว้ เพราะถ้าคุณจุ่มแค่ 1 2 3 ครั้ง  คุณจะดื่มแต่น้ำกลิ่นชา  ไม่ใช่น้ำชาจริงๆ

          จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเราออกมาเดินชมตามอัธยาศัย ใครจะแวะไปดื่มชา กินเบเกอรี่ ที่ร้านกาแฟ BOH ก็ได้ ซึ่งที่ร้านกาแฟนี้ วิวสวยมาก ยื่นออกไปเห็นวิวภูเขาสวยงาม  กาแฟและเบเกอรี่ก็ไม่แพงครับ แต่คิวยาวเหยียด
         ชายี่ห้อนี้ จะค่อนข้างหวานครับ กลิ่นหอมอ่อน รสชาติไม่เข้มมากเหมือนชาจีน หรือชาญี่ปุ่น

3. Bee farm
            ฟาร์มผึ้ง  ไม่ต้องกลัวไปนะครับ ที่นี่ทำเป็นสวนดอกไม้ แล้วมีรังผึ้งเป็นระยะๆ  ไม่ได้เป็นฝูงผึ้งใหญ่ เขามีป้ายบอกเตือนไว้ห้ามอย่าส่งเสียงดัง อย่าถ่ายรูปใกล้ผึ้งมากเกินไป ฯลฯ เป็นทางเดินลัดเลาะไปตามสวนดอกไม้  มีรูปปั้นผึ้งน่ารักอยู่กลางแปลงดอกไม้



           มีร้านขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำผึ้งให้เลือกซื้อกันด้วย

4. Butterfly Farm
           ท้ายสุดเป็นฟาร์มผีเสื้อ เป็นฟาร์มเล็กๆ ซึ่งนอกจากผีเสื้อตัวใหญ่ ที่บินโฉบไปมาแล้วยังมีการแสดงสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ทั้งงู แมลงต่างๆ  แล้วก็มีแปลงดอกไม้สีสดใสให้เราชมด้วยครับ ดอกไม้ที่นี่ดอกใหญ่มาก ไซส์ใหญ่เบิ้ม พื้นที่ไม่ใหญ่มากเดินเล่นประมาณชั่วโมงนึง
                



 
            


             




5 สวนสตอเบอรี่
        ที่นี่แปลกหน่อย ไม่ได้ปลูกสตรอเบอรี่ลงดิน แต่ปลูกในถุงบนรางไม้  ดูไม่ค่อยเป็นแนวธรรมชาติสักเท่าไหร่
อันนี้โดยส่วนตัวผมว่าสู้ไร่สตรอเบอรี่บ้านเราไม่ได้ มีร้านขายสตรเบอรี่ปั่น ไอศครีมสตรอเบอรี่  ไม่มีอะไรมากก....เคยเห็นๆกันมาแล้ว





                          

(มาเลเซีย ตอนที่ 4 ) พาเที่ยวcolmar tropicale bukit tinggi, Genting , และชมกัวลาลัมเปอร์ยามค่ำคืน

                                BearIndyz จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว colmar tropicale bukit tinggi,Genting   กัน สำหรับการเดินทางวันนี้มีเพื่อนชาวมาเลเซียขับรถพามาเที่ยว ไปพร้อมกับเพื่อนสาวแสนเก๋อีกคน  งานนี้เลยสบายหน่อยเพราะมีคนแชร์ค่าใช้จ่าย

                               มาเริ่มต้นจากที่แรก colmar tropicale bukit tinggi  ขับขึ้นภูเขาสูงอากาศเย็น ด้านบนเป็นปราสาทและเมืองเก่าแบบยุโรป แต่รู้สึกว่าที่นี่เป็นของเอกชนนะ สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่เป็นของเก่าโบราณจริงๆ เป็นโรงแรมมีห้องพัก เห็นมีรถทัวร์มาจอดเยอะ ผู้คนเดินชมเรื่อยๆ  สวยงามใหญ่ มีหอระฆัง และร้านอาหารสไตล์ยุโรป ถ่ายรูปสวยงามมาก  (แต่ส่วนใหญ่ราคานักท่องเที่ยวมาก) 
             ถ้าเวลาเย็น ร้านค้าเปิดไฟน่าจะเปิดไฟสวยงามดี แล้วตามแผนที่ ที่ภูเขาลูกนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายอย่าง ทั้งฟาร์มสัตว์ (พื้นที่ไม่กว้างมาก มีม้า,แกะ,กวาง และกระต่าย ) ร้านอาหาร ฯลฯ










                แล้วจากนั้นก็เดินทางกันต่อไปที่   genting   เส้นทางเป็นทางขึ้นภูเขาสูงเชียว ลัดเลาะคดเคี้ยวพอๆกับเส้นทางไปปาย สองข้างทางค่อนข้างครึ้ม ขึ้นภูเขาสูงกว่าที่แรกอีก วันที่ไป Genting พบว่ารถรางปิดปรับปรุง พบว่านักท่องเที่ยวมารอเก้อกันเยอะมาก บ่นกันเพียบ

                              คุณเพื่อนมาเลเซียเลยขับรถพาขึ้น Genting ไปถึงด้านบนยอดเขาให้เลย ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ เกรงใจสุดๆเพราะต้องขับขึ้นไปอีกเป็นชั่วโมงแล้วเส้นทางก็ลัดเลาะคดเคี้่ยวเหลือเกิน

                               เมื่อไปถึงด้านบน อากาศเย็นมาก ลมพัดแรงแทบปลิว(หมูใส่แว่น อ้วนๆน้ำหนัก 80 ก.ก.ยังเซ) อากาศประมาณสิบกว่าองศาได้มั้งครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นเวลาหลังฝนตก หมอกเลยลงจัดมาก รถยนต์ต้องขับช้าๆ

                              
                                พอไปถึงปรากฏว่าเป็นเมืองบนภูเขาครับ มีโรงแรม โรงภาพยนตร์ บ่อนคาสิโน และสวนสนุกโผล่อยู่ด้านบน แต่งานนี้ไม่ได้เข้าไปเล่นสวนสนุก และบ่อนคาสิโนมีรถทัวร์เยอะมาก นักท่องเที่ยวเพียบ เหมือนเป็นที่โลกหนึ่งแตกต่างจากบรรยากาศสองข้างทางก่อนที่จะถึง
                       หลังจากหาที่จอดรถกันได้แล้วก็เริ่มเดิน..ชม  แค่แวะชมบรรยากาศสวยๆ นักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ แน่นเอี๊ยดเลย  มีร้านขายของมากมาย ผู้ที่ไม่ได้เล่นสวนสนุกก็เดินช้อปปิ้งกันได้ หรือจะเลือกเล่นเครื่องเล่นในร่ม ก็มีหลายอย่างให้เล่นสนุกกัน
                             






                            



 
      หลังจากเดินชมจนทั่ว เวลาเริ่มเย็นมากแล้ว ถึงเวลาที่ควรเดินทางกลับกัวลาลัมเปอร์กัน งานนี้ BearIndyz ม่อยหลับไปตลอดทางจนเกือบถึงกัวลาลัมเปอร์ 

          เพื่อนขับมาไปชม Merdeka Square ยามค่ำคืน สวยงามไปอีกแบบเพราะไฟส่องซึ่งเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ  

              ที่กัวลาลัมเปอร์ช่วงกลางคืน บางถนนไม่ค่อยมีไฟทาง ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว ดังนั้นไม่เหมาะที่จะเดินเล่นนะ แต่บางย่านเช่น chinatown หรือ Bukit Bintang โอเคครับ มีร้านค้าสว่างไสว ผู้คนเดินกันเยอะแยะ  นักท่องเที่ยวเยอะไม่น่ากลัวอะไร