วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Hey Bear Capsule ที่พักแคปซูลแบบหมีๆที่ไทเป

หวัดดีครับ วันนี้ Bearindyz ขอมารีวิว Hey Bear Capsule ที่พักในรูปแบบแคปซูลที่ไทเป ที่ได้มีโอกาสไปพักมาครับ

รร.นี้ราคาต่อคืนถูกมาก คือผมได้ราคาประมาณ 300นิดๆครับ จากเว็บ Traveloka ตัดเงินได้เรียบร้อยสบายใจ ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Taipei bridge station ทางออกที่ 1 พอเดินออกมาแล้ว จะเห็นสี่แยกไฟแดง จะมองเห็นป้าย รร.ที่ตึกครับ
คือตรงที่อยู่ตรงหัวมุมไฟแดงเลยครับ กดลิฟท์ไปที่ ชั้น 8 
รร.นี้เริ่มเช็คอินได้ตอน 15.00 และเช็คเอ้าท์ก่อน 11.00 น.นะครับ  
ล๊อบบี้สำหรับเช็คอินอยู่ที่ชั้น 8   และที่พักอยู่ชั้น 9-10 
โดยเมื่อได้รับคีย์การ์ดมาแล้ว จะใช้สำหรับในการแตะลิฟท์ขึ้น ความปลอดภัยสูงมาก
เพราะต้องใช้คีย์การ์ดแตะลิฟท์ของชั้นที่เราพัก  ใช้แตะเพื่อเข้าห้อง ใช้แตะเพื่อเปิดตู้ล็อคเกอร์  แตะเพื่อเข้าห้องน้ำ (ห้องน้ำจะแบ่งชาย-หญิง)  และใช้แตะเพื่อเปิดแคปซูลของเราครับ ดังนั้นป้องกันหลายด่านมาก
ขอแนะนำเป็นข้อๆ นะครับ

มีห้องล็อคเกอร์  ที่นี่มีห้องล็อคเกอร์ตามเบอร์แคปซูลของเราครับ ขนาดพอที่จะเก็บล้อลากไซส์เล็กได้ครับ (ไซส์กลางและไซส์ใหญ่ผมคิดว่าไม่น่าจะไหวครับ)
ห้องน้ำ    แบ่งเป็นห้องน้ำชาย  และห้องน้ำหญิงคนละโซนกันครับ ต้องแตะคีย์การ์ดก่อนเข้า  ภายในมีห้องอาบน้ำเกือบ 8ห้อง ห้องสุขาแบบชักโครก และแบบนั่งยองๆ  มีอ่างล้างหน้าประมาณ 10 อ่าง  และมีไดร์เป่าผมอยู่ 2 อัน  อ้อ ภายในห้องน้ำจะมีให้แค่ครีมอาบน้ำและแชมพูครับ  อย่างอื่นเราต้องเอาไปเองครับ ไม่มีผ้าขนหนูให้ (สามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ราคาผืนเล็ก ผืนละ 50  NT)
ห้องนอน  คือเราจะต้องใช้คีย์การ์ดแตะที่ห้องนอนก่อน จากนั้น ภายในห้อง ก็จะมีแคปซูลอีก ห้องผมมีแคปซูล 10แคปซูลครับ
ภายในแคปซูล มีสิ่งอำนวยความสะดวกถือว่าครบครับทีเดียวครับ
1.ทีวีฝังไว้ในผนัง ถ้าจะเปิดทีวีเราจะต้องใช้หูฟังนะครับ ถ้าไม่มีก็ไปแจ้งและขอยืมหูฟังได้ที่เคาน์เตอร์ครับ
2. เขาจะเตรียมตระกร้าพลาสติกสำหรับใส่ของไปห้องน้ำมาให้ 1 อัน ภายในมีกระดาษบอกกฏระเบียบและรีโมททีวี
3. ที่ผนังแคปซูล จะมีช่องเสียบคีย์การ์ดเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน
มีปุ่มกดไฟ 2 แบบ ไฟอ่านหนังสือสีขาวธรรมดา และไฟเรืองแสงสีฟ้าอวกาศครับ
4. แอร์  สามารถปิดปรับหมุน ปิด หรือเปลี่ยนทิศทางได้แบบช่องแอร์รถทัวร์ครับ
5. มีช่องเสียบไฟ  เป็นช่องเสียบแบบใช้ได้กับหัวปลั๊กทุกแบบเลยครับ   
6. มีเซฟเก็บของไซส์เล็กให้ครับ (แต่ผมไม่ได้ใช้)














ข้อดี
1.ราคาถูกมาก ใกล้รถไฟฟ้ามาก
2. แคปซูลมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่องเสียบไฟ เซฟเก็บของ ปรับช่องแอร์ได้
3. ใกล้ๆตึก รร. มีร้านอาหารท้องถิ่น 7-11 (แต่ต้องข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม) และมีตลาดกลางคืน (เดินจากฝั่ง รร.ไปขวาอีกประมาณ 10 นาที)
4. มีความปลอดภัยสูง เพราะต้องใช้คีย์การ์ดผ่านหลายด่าน ทั้งกดลิฟท์ แตะเข้าห้องน้ำ แตะเปิดล็อคเกอร์

ข้อเสีย
1. ห้องน้ำ  จะตั้งอยู่ด้านนอก ใกล้กับลิฟท์ดังนั้นตอนมาเข้าห้องน้ำต้องเดินออกมาไกลหน่อย และต้องเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนตอนอาบน้ำเลย 
2. สถานีรถไฟฟ้านี้ จะเป็นสถานีที่ไกลจากสถานที่เที่ยวอื่นๆค่อนข้างมาก ดังนั้นต้องวางแผนการเดินทางพอสมควรครับ
3. ไม่มีการทำความสะอาดแคปซูลให้ทุกวันนะครับ  เขาจะเคลียร์ทีเดียวตอนเราออกครับ ดังนั้นต้องรักษาความสะอาดกันหน่อย
4. ในห้องน้ำมีแต่ยาสระผมกับครีมอาบน้ำ  ไม่มีผ้าขนหนูให้ และจุดตากผ้าค่อนข้างแน่นมาก ผมเห็นหลายคนต้องเอาผ้าขนหนูไปผึ่งไว้ก้บฝาล็อคเกอร์


วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

รีวิว Peach Airline บริการดี แต่ Terminal เล็กไปหน่อย

          สายการบินราคาแสนถูก ที่เป็นขวัญใจไปโอกินาวาคือ Peach Airline  อาจจะเป็นสายการบินชื่อใหม่ ยังไม่คุ้นนัก แต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการบินไปโอกินาวาในราคาแสนประหยัด  ตอนนี้มีโปรกระหน่ำ เที่ยวละประมาณ 1,480 บาทเอง  ส่วนผมได้ราคาไปกลับ+ค่าเลือกที่นั่ง +ค่าตัดบัตร จบที่ 4,900 บาท

สำหรับเว็บไซด์ของ Peach Airline https://www.flypeach.com/pc/th  (สำหรับภาษาไทย)
การจองก็กดตามปกติครับ แต่ว่าเรื่องกระเป๋าถือขึ้นเครื่องนั้น จะได้ 2 ใบ รวมกันไม่เกิน 10 กก. (อย่าลืมอ่านขนาดกระเป๋านะครับ เพราะเคยอ่านรีวิวเจอว่า มีคนใช้กระเป๋าใบใหญ่เกินข้อกำหนด เขาไม่ให้ขึ้นเครื่อง ค่อนข้างเข้มงวด และในขากลับจากโอกินาวา พนักงานให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าทุกคน ย้ำๆๆ โดนชั่งน้ำหนักกระเป๋าทุกคนก่อนเดินเข้าไปรอด้านในครับ)
ตามภาพประกอบครับ



 สำหรับการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ 
เป็นแถว M ทางเข้าหมายเลข 6 เคาน์เตอร์เปิดก่อนเวลาบิน 3 ชั่วโมง ที่สุวรรณภูมิเช็คอินกับทางเคาน์เตอร์ได้เลยครับ ได้เป็น Boarding pass ใบแข็งมา พนักงานบริการดี ยิ้มแย้ม ทำงานรวดเร็วดี







      การบริการภายในเครื่องบิน ผมค่อนข้างประทับใจเพราะว่ายูนิฟอร์มสวย แอร์กับสจ๊วตทำงานดี ดูเป็นมืออาชีพ คล่องแคล่วมาก แต่ติดที่ว่าไฟล์ทที่ผมบิน หัวหน้าลูกเรือเป็นสจ๊วต เขาประกาศภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงญี่ปุ่นที่ฟังยากมาก ฟังแล้วงงแท้ ฟังยากครับ แต่บางช่วงเขาก็เปิดเทปประกาศเป็นภาษาไทยครับ 
ส่วนการบริการผมว่าดีกว่าแอร์เอเชียเสียด้วยซ้ำ ดูสุภาพ นิ่มนวล ใบหน้ายิ้มแย้มและทำงานรวดเร็ว โดยส่วนตัวผมชอบยูนิฟอร์มมาก ดูเป็นทางการแม้ว่าจะเป็น Low cost Airline

หลังจากบินยาว 4 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินนาฮา ซึ่ง Peach Airline จะไปจอดที่ LCC Terminal เป็นโกดังคาร์โก้สินค้ามาดัดแปลงสำหรับ Low Cost ครับ ใช้ร่วมกันระหว่าง Peach Airline และ Vanilla Airline ซึ่งเป็นโกดังจริงๆครับ ชั้นเดียว แล้วนำมากั้นห้อง ทำทางเดินง่ายๆครับ

หลังจากผ่าน ต.ม.แล้ว เราต้องรอรถรับส่งฟรีของสนามบิน รับจาก LCC Terminal ไปที่อาคารหลัก โดยจะวิ่งทุก 10 นาที  รถบริการฟรีจะจอดที่ทางเข้าหน้าตึก ให้เดินเข้าด้านในตึกแล้วขึ้นไปชั้น 2 จะมีสะพานเชื่อมไปยังสถานีรถไฟฟ้าโมโนเรลครับ



สำหรับในส่วนตอนบินจากโอกินาวากลับไทย
เรานั่งรถไฟฟ้าโมโนเรลมาลงที่สนามบินแล้วก็เดินลงไปรอรถบริการฟรี แต่แนะนำว่าให้กินข้าว ซื้อของฝากจากที่อาคารหลักให้ดีก่อนนะครับ เพราะว่าที่ LCC terminal แทบไม่มีอะไรขายเลยครับ มีร้านขายของที่ระลึกร้านเดียว และร้านกาแฟเล็ก ไม่มีอาหารขายครับ ดังนั้น ควรซื้อหรือทานอะไรมาให้เรียบร้อยก่อน

ที่ LCC Terminal เขาจะมีตราชั่งน้ำหนักและแผงเหล็กสำหรับเช็คขนาดกระเป๋าไว้ให้ลองดูกันก่อนนะครับ

การเช็คอิน ที่นี่จะแตกต่างจากสุวรรณภูมิ ที่นี่จะมีตู้ให้กดดำเนินการเอง โดยจะต้องสแกนบาร์โค้ด แล้วสแกนพาสปอร์ต  แล้วเครื่องจะปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาสใบยาวเหยียดมาให้  (ถ้าคนที่ต้องโหลดกระเป๋าใต้เครื่องจะต้องไปต่อคิวเพื่อโหลดกระเป๋า)

จากนั้น ก็เดินไปที่สแกนกระเป๋าเดิน ซึ่งก่อนจะเข้าไป จะมีเจ้าหน้าที่ Peach Airline เอาเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลมาตั้งไว้ด้านหน้าก่อน แล้วให้ชั่งทีละคน มีคนไม่ผ่านหลายคนเลยครับ

พอหลังจากสแกนกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ต้องไปรอที่เกท ซึ่งที่นั่งน้อยมากครับ หลายคนต้องนั่งกับพื้น และในเกทมีร้านขายขนมที่ระลึกเล็กๆ 1 ร้าน และตู้กดน้ำ 3 ตู้เท่านั้น

จากนั้นเราก็ต้องไปเดินขึ้นเครื่องเองครับ ไฟล์ทขากลับของผมเป็นช่วงที่ลมแรงมากครับ เดินไปเจอลมมาปะทะแรงมาก 

โดยรวมเป็นสายการบินโลว์คอสที่ราคาดี บริการดี แต่อาจจะลำบากในส่วนของ LCC Terminal เท่านั้น ที่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ และสายการบินนี้เคร่งครัดในกฏระเบียบครับ






วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

8 MEN shot bar บาร์เล็กอันแสนอบอุ่นด้วยมิตรภาพ

           รีวิว สำหรับนักเที่ยวกลางคืน ที่โอกินาวา   โอกินาวานอกเหนือจากอะควาเรี่ยม  ทะเล ปราสาทชูริแล้ว  ในภาคกลางคืนย่ำราตรี ก็มีบาร์น่ารัก บรรยากาศดี ใกล้รถไฟฟ้าให้ไปนั่งชิวๆ กัน


    8 Men เป็นบาร์เล็กๆ ถึงแม้พื้นที่ไม่กว้างแต่บรรยากาศดีมาก มีเจ้าของเป็นคู่สองหนุ่ม ที่แสนจะเป็นกันเอง ยิ้มแย้มเฮฮา ไปคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวเหงาแน่นอน

ตำแหน่ง
    จากสถานีรถไฟฟ้า Meibashi ลงทางออกด้านขวามือ จากนั้นเดินไปทางขวา ประมาณ 300 เมตร (5 นาที)ให้สังเกตตึกสีไม้ ตึกจะมีทั้งหมด 6 ชั้น ชั้นอื่นๆจะเป็นร้านอาหารครับ  บาร์นี้จะอยู่ชั้นบนสุด ชั้น 5
เปิดตั้งแต่ 19.00- 03.00  สามารถเช็คโปรโมชั่นต่างๆของทางร้านได้ที่
website: www.8menokinawa.com
IG : 8menokinawa
ที่ตั้ง HACHINO'S 6F, 2-17-46 Makishi, Naha-shi, Okinawa, 〒900-0013   〒900-0013 沖縄県那覇市牧志2丁目17−46 HACHINO'Sビル 6F







มาขอเล่าบรรยากาศกันก่อนนะครับ
       Bearindyz ไปถึงร้านตอน 19.00 น. ทางเจ้าของยังมาไม่ถึง เลยกดลิฟท์ไปชั้น 6 ไม่ได้ เลยต้องยืนรอที่ชั้นล่างพักใหญ่ สักพักเจอเจ้าของร้านวิ่งหอบมาไขกุญแจกดลิฟท์ แล้วนางก็ขอโทษสุดฤทธิ์ที่ให้ลูกค้ารอ 3 นาที 
    

    
        เป็นเจ้าของที่น่ารัก เป็นกันเอง คุยสนุกมาก ตอนผมไปมีโปรโมชั่น 1500 เยน 1-3 ทุ่ม ดื่มได้ไม่อั้น ( soft drink,โค้ก,น้ำส้ม,น้ำมะนาว และค๊อกเทล) ลองเช็คโปรโมชั่นอีกที ได้ที่เว็บไซด์เขานะครับ
โดยส่วนตัวผมว่าราคาคุ้มมาก เพราะผมดื่มไปเกือบสิบแก้ว ระหว่างนั่งดื่ม เจ้าของก็ชวนคุยเป็นเพื่อนคุย







    เพลงในร้านเปิดได้สนุกมาก บียอนเช่,รีฮานน่า ฯลฯ จิบเครื่องดื่มโยกตัวเบาๆ ได้ฟิวมาก

      แถมช่วงสองทุ่มผมมีธุระ พอกลับมาอีกทีถึงสองทุ่มห้าสิบ  ก็สั่งเครื่องดื่มใหม่ ถามราคาเขา เพราะคิดว่าเดินออกจากร้านไปตั้งนานแล้ว เขาน่าจะถือว่าจบโปรไปแล้ว  ทางร้านบอกว่ายังอยู่ในช่วงโปรที่คุณเคยจ่ายไปถึงแม้ว่าเหลืออีก 10นาที ก็ไม่เป็นไร
     ร้านนี้จะคึกคักช่วงสามทุ่ม สี่ทุ่ม มีคนนานาชาติมาดื่มกัน และทุกคนพูดคุยกันสนุกสนานเฮฮา เฟรนด์ลี่สุดๆ มีทั้งคนโอกินาวา คนจีน ออสเตรเลีย อเมริกามาคุยกัน เป็นบรรยากาศที่บางเมือง บางผับไม่มีบรรยากาศแบบนี้แล้ว

    แนะนำเลย สำหรับเพื่อนที่มาเที่ยวโอกินาวา ช่วงกลางคืนแวะมาดื่มเบียร์ จิบค๊อกเทลร้านนี้กันนะครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Sora House โฮสเทลเล็ก ที่ทำเลดีสุดๆใน โอกินาวา

สวัสดีครับ   Bearindyz เพิ่งกลับมาจากโอกินาวา ได้มีโอกาสไปเที่ยวตะลอนไปสัมผัสแดดร้อนลมทะเล และผจญภัยกับไต้ฝุ่นเล็กน้อย
ครั้งแรกเลย ขอมารีวิว เกี่ยวกับโฮสเทล ชื่อว่า Sora House (เวลาเสิร์ช จะพบว่าบางเว็บจอง รร. ใช้ชื่อ Guest House Sora)

เป็นโฮสเทลอยู่กับรถไฟฟ้าโมโนเรล สถานี Miebashi หลังจากแตะบัตรแล้วให้ออกทางออกด้านซ้าย จากนั้นเดินข้ามไฟแดงเดินไปอีกแค่ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น ทำเลถือว่าดีมากสุดยอด  และใกล้ถนนสายช้อปปิ้งชื่อดัง Kokusei dori เดินไปได้ ประมาณ 10-15 นาที   

มีร้านสะดวกซื้อ Lawson ในซอยถัดไป   และถ้าเดินต่อไปอีกหน่อยก็มี Family Mart และถ้าเดินต่อไปอีก 5 นาที ก็จะมีห้าง Aeon Express ด้วยครับ

โฮสเทลนี้ ผมจอง5 คืน ประเภทห้องนอนรวม  Share ห้องน้ำ  ราคาที่ได้คือ 3,200 บาทครับ 
การบริการของพนักงานดีมากครับเป็นคุณป้าญี่ปุ่นพูดจาอังกฤษได้ดีครับ พูดคล่องสบาย และมีพนักงานสลับมาช่วยบางวัน ลักษณะเหมือนอยู่บ้านเลยครับ
แต่ก็อาจจะมีข้อกำหนดที่ควรทราบนิดนึง คือเขารับเช็คอินหลัง 15.00 น. และไม่รับฝากกระเป๋าก่อนเวลาเช็คอินเนื่องจากคุณป้าและสามี จะต้องทำความสะอาดทุกห้อง ในช่วง 11.00-13.00 น. วันหลังๆ เห็นตอนแกทำความสะอาดแล้วนับถือมาก ขยันมาก แล้วต้องเร่งทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ให้สะอาดก่อนบ่ายสาม และที่นี่จะมีการเก็บมัดจำค่ากุญแจ 500 JPY ถ้าตอนเช็คเอาท์ก็จะได้เงินคืนครับ
มีบริการซักผ้าให้ด้วย ค่าซัก 200 JPY ไปจ่ายเงินที่กล่อง แล้วก็ไปกดเครื่องซักผ้าได้เลย แต่ถ้าจะอบผ้า ไปจ่าย 300 JPY แล้วเอาผ้าไปให้พนักงานครับ (เพราะเครื่องอบผ้าอยู่ในส่วนที่เป็นที่พักของเจ้าของครับ)
ตอนเช็คอินพอไปถึงเตียง คุณป้าจะวางผ้าปูที่นอน หมอนและผ้าห่มไว้ให้ครับ เราต้องปูผ้าปูที่นอนเองครับ


ผมขอแยกข้อดี-ข้อเสียให้เห็นเลยแล้วกันนะครับ

ข้อดี
1. ราคาถูก 
2. มีห้องหลายประเภท แบบห้องรวม หรือเป็นห้องที่มีสองเตียง ทั้งแบบเป็นเตียงสองชั้น หรือสองเตียงเดี่ยว
มีในเว็บจองรร.ดังๆ ให้เลือกครับ
3. บริการดีมาก เป็นกันเอง ยิ้มแย้ม สุภาพ
4.ทำเลที่ตั้ง ดีสุดๆ ใกล้กับรถไฟฟ้า ไปไหนมาไหนสะดวกสุด
5. หาของกินง่าย รอบๆ มีทั้ง Lawson, Family Mart, Aeon และร้านอาหารกลางคืน

ข้อเสีย
1.เนื่องจากเป็นตึกแถว5 ชั้น ชั้นของโฮสเทลเริ่มตั้งแต่ชั้น 3  และไม่มีลิฟท์!  ดังนั้นต้องแบกกระเป๋าขึ้นมาเอง 
ผมเจอนักท่องเที่ยวหลายคนแบกกระเป๋าล้อลากไซส์ใหญ่สุดขึ้นบันได ด้วยความยากลำบาก

2.เวลาเช็คอินบ่าย 3 และไม่รับฝากกระเป๋าก่อน ดังนั้น ถ้าใครมาถึงตอนเช้าแบบผม ต้องหาที่ฝากกระเป๋าหรือไม่ก็ต้องแบกไปเที่ยวก่อน

3. มีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำชั้นละ 1 ห้อง ดังนั้นอาจต้องรอคิว

4.ไม่มีอาหารเช้าบริการ ต้องหาซื้อกินเองจ๊ะ

5.ไม่มีล็อคเกอร์เก็บของให้ครับ มีแต่ชั้นวางของในห้อง ต้องระมัดระวังในการเก็บของเองครับ

สำหรับผมโดยรวมถือว่าเป็นโฮสเทลที่น่ารักมาก มีความเป็นกันเอง เหมือนอยู่ที่บ้าน แนะนำสำหรับคอแบ็คแพ็คเกอร์ครับ










วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561

รวม Gadget ไอที ควรพกพาในการเที่ยว

  วันนี้ Bearindyz มาแนะนำ Gadget หรืออุปกรณ์ที่ควรพกพาในการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ที่จะช่วยทำให้ชีวิตคุณสะดวกสบายมากขึ้น

1. ไม้ Selfie 
แม้ว่ามือถือสมัยนี้ กล้องหน้าจะเริ่ดมากขึ้น แต่ว่าระยะก็สุดแค่แขนเรา ไม้เซลฟี่จะช่วยยืดไปได้อีกเป็นเมตร เก็บฉากหลังได้ ถ่ายหน้าหล่อสวยกับวิวข้างหลังได้
โปรดระวัง ไม้เซลฟี่จะไปฟาดคนอื่น บางสถานที่ไม่อนุญาตให้ใช้ไม้เซลฟี่นะครับ อย่าลืมสังเกตป้ายคำเตือน


2. ขาตั้งกล้อง
 Advance สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ เพราะช่วยเก็บภาพได้กว้างขึ้น  เก็บบรรยากาศได้  ตั้งเสร็จแล้ว กดถายแบบ Timer หรือจะใช้ Bluetooth shutter ถ่ายภาพก็ได้
โปรดระวัง   เวลาวางไว้ ระวังคนมาเดินชน ดูนักท่องเที่ยวที่เดินแถวนั้นนิดนึง ถ้าคนแน่นเดินเยอะ เสี่ยงคนมาเดินชนได้ครับ

3. หัวแปลงปลั๊กไฟ Universal 
เป็นอุปกรณ์ Must have ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แปลงอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เราสามารถเสียบกับรูปลั๊กไฟประเทศนั้นๆ ได้



4. หัวต่อเพิ่มช่อง USB
ใช้สำหรับเพิ่มช่อง USB ให้ชาร์ตโทรศัพท์มือถือ  พาวเวอร์แบงค์ แท็บเลตได้  แบบว่าเสียบ 1 ตัว เพิ่มกลายมาเป็น 3 ช่อง  USB  เพราะบางโรงแรม มีรูปลั๊กให้น้อย 
ป.ล. แนะนำว่าให้ซื้อแบบยี่ห้อดีๆ หน่อย ราคามีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่มีหมด  บางรุ่น มีปุ่มกดเป็นหลอดไฟก็สะดวกดีครับ



5. Powerbank
สำหรับไว้สำรอง เผื่อแบตมือถือหมด แบตแท็บเลตหมดนะจ๊ะ มีขนาดให้เลือกมากมาย ความจุมากน้อย รวมถึงน้ำหนักด้วย และที่สำคัญควรเลือกยี่ห้อที่ได้มาตราฐานมีเครื่องหมายรับรอง ซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือได้ เป็นแบรนด์ที่คุ้นๆชื่อสักหน่อย   ประเภทที่ไม่มียี่ห้อเลย ราคาถูกแสนถูกก็ควรระมัดระวัง


วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ร้อนนัก รวมสไตล์เสื้อผ้าไปใส่ท่องเที่ยวให้โดดเด่นเกินใคร

     อากาศร้อนแรง ความร้อนระอุตลอดปีแบบไทย ไปไหนก็ร้อนแรง เวลาไปเที่ยวหลายคน อาจจะนึกว่าต้องแต่งตัวยังไงดี 
ดังนั้นวันนี้ Bearindyz ขอนำเสนอ แบบแฟชั่นสำหรับการท่องเที่ยวไปเที่ยว ที่สดใส  รับรองถ่ายรูปเด่น สวยประทับใจ ไม่กลืนหายไปกับฉากหลัง เก๋ๆ เริ่ดๆ

แบบแรก Neon Color
สีสันตัดกันทะลุแม่สี รับประกันว่าคุณจะโดดเด่นมาก ไม่หลงจากกลุ่มเพื่อนแน่นอน เห็นมาตั้งแต่ 100 เมตร ไม่กลืนหายไปกับบรรดานักท่องเที่ยวแน่นอน  มั่นใจสักอย่าง อย่าได้แคร์







แบบลายดอก ฮาวายอะโลฮา
เสื้อฮาวายใครบอกว่า ใส่ได้เฉพาะเทศกาลสงกรานต์หรือเดือนเมษาเท่านั้น  อากาศแบบนี้ เดือนไหนก็ร้อนทั้งนั้น ใส่แล้วดูสดใส สดชื่น   ดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ขึ้นมาทันที เหมาะมากกับการไปทะเล เกาะ สวนน้ำ หรือที่ไหนๆ ที่เป็นแนวธรรมชาติ ไม่ต้องหุ่นดีใส่บิกีนี่ขายความเซ็กซี่ มาเน้นมาโชว์ความสดใสแทนดีกว่า








แบบโบฮีเมี่ยน เซอร์อาร์ตและติสต์
แนวนี้จะดูมีลุคที่เซอร์นิดนึง เป็นแนวที่สาวไทยนิยมกันมากในช่วงที่ผ่านมา อาจจะต้องเป็นคนที่มิกซ์เก่งๆ  เอาโน่นนิดนี่หน่อยมารวมกัน ลุคดูสบายๆแต่โดดเด่น ผ้าพันคอเนื้อบางพลิ้ว  ผ้าโพกหัว ลูกปัด กางเกงยีนส์ขาด แหวนเงิน  ลายพื้นเมืองอินเดียนแดง ผ้าปัก   แว่นตาดำ รองเท้าบูธ รองเท้าสาน หมวกสวยๆสักใบเอามายำรวมให้ดูสุดอาร์ต