วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

(ตอนที่ 4 ) พิพิธภัณฑ์กู้กง National Palace Museum ..อะบอริจิ้นพาร์คและมิวเซียม ต่อด้วย CKS Memorial Hall

                      วันนี้ตื่นเช้าเช่นเคยมาเที่ยวต่างประเทศทั้งๆที่ จะให้นอนอุดอู้อยู่แต่ในที่พัก คงไม่ใช่สไตล์ BearIndyz จะแล้ว ว่าแล้วก็นั่งรถไฟฟ้ามาโผล่ที่ สถานี Shilin ครับ  แล้วหาป้ายที่เขียนว่า National Palace Museum เดินออกมาสำหรับที่นี่บางคนเรียก พิพิธภัณฑ์กู้กง รู้สึกว่าป้ายนี้จะอยู่ใกล้กับสถานศึกษานะเพราะมีนักเรียนมาที่นี่สถานนีนี้เยอะมาก  แล้วพอเดินออกมามีของกินตอนเช้าขายหลายอย่าง แต่ว่าคิวยาวปล่อยให้นักเรียนทานกันไปก่อน
               ผมได้อาหารเช้ามาแล้วจาก 7-11 เป็นซาลาเปาหมีแพนด้าและหมูน้อยสีชมพูแสนน่ารัก ผมเลยขม้ำกินไม่เหลือซากข้างในเป็นไส้ถั่วดำและไส้เผือกครับราคาอันละ 15 Nts

               จากนั้นให้เดินออกมารถเมลล์ด้านหน้าร้าน Watson ผมรออยู่นานไม่เห็นมีรถเมลล์สายที่เคยมีคนรีวิวไว้  แต่ว่ามีอยู่คันนึงเห็นมีป้ายข้างรถเขียนว่า National Palace Museum งานนี้ไม่รอช้ารีบกระโดด ขึ้นไปบนรถเลยแล้วแตะ Easy Card บัตรแสนสะดวก  ประมาณสัก 20 นาที  รถจะจอดฝั่งตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์กู้กง  ให้ข้ามถนนไป ตอนผมไปถึงแปดโมงนิดๆยังไม่มีคนเลยครับ ใจเย็นเดินชมวิวโน่นนี่ไปเรื่อยๆ มีคนมาบ้างแต่เห็นเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ทยอยมาทำงานกัน











               พอแปดโมงครึ่งเท่านั้นแหละ บรรดารถทัวร์นักท่องเที่ยวก็มาถึงทันที ผู้คนแบบอภิมหาศาลเป็นร้อยๆคน พร้อมใจกันลงมา
               เห็นท่าทางไม่ดีรีบเข้าไปซื้อตั๋วเลยดีกว่า จ่ายไป 160 NTs  พนักงานยิ้มสวยเชียว  ที่นี่เขาห้ามเอาน้ำเปล่าเข้าไปในนะครับ ผมเลยดื่มจนหมด 
               มีพนักงานมาเสนอว่าสนใจ Audio  guide ไหม ผมได้แต่ยิ้มๆหวานแต่ส่ายหัวเพราะกลัวว่าเอามาก็ฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ  

                อาคารพิพิธภัณฑ์มี 4 ชั้น ชั้นที่หนึ่งกับสอง ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนักครับ  เดินชมได้เรื่อยชิวๆสบายๆ ที่นี่ห้องน้ำสะอาดมาก ขอบอก..... ของที่จัดแสดงก็เป็นวัตถุโบราณ ล้ำค่าในสมัยก่อน และมีสื่อประกอบที่ทันสมัยทีเดียวครับ  ไม่น่าเบื่อเดินชมชั้นหนึ่งกับชั้นสองอย่างสบายใจ ชิวๆ ดูได้ย่างสบายอารมณ์

                 แต่พอเดินวนไปจนถึงชั้นสามเท่านั้นแหละ เจอคิวนักท่องเที่ยวยืนเต็มขั้นบันไดเลยเพราะว่าชั้นนี้เป็นชั้นที่เก็บของไฮไลท์ คือหยกรูปผักกาดขาว และหยกแกะสลักเป็นเนื้อหมู รวมถึงของพิเศษมากๆ  ชั้นนี้เจ้าหน้าที่จะกั้นให้นักท่องเที่ยวทยอยเดินเข้าไปทีละห้อง ถ้ากลุ่มเดิมยังไม่เดินออกจากห้องชม จะไม่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เดินเข้าไป  ทำให้เสียเวลากับชั้นนี้นานมาก บางอย่างก็ไม่ได้ดูเพราะคนแห่ไปดูจนบังมิด
              เจ้าหน้าที่ที่จะมีพัด ตอนแรกผมก็งงว่าทำไมต้องถือพัด พอสังเกตให้ดี ถึงเห็นว่าบนพัดเป็นรูป นิ้วปิดปาก เป็นสัญลักษณ์ว่าห้ามส่งเสียงดังนั่นเอง
                    ถ้าท่านใดที่ชอบของเก่าน่าจะชอบที่นี่นะ เพราะอธิบายไว้อย่างละเอียดมาก สมบัติเก่าแก่เป็นพันๆ ชิ้นครับ สิ่งของหลายอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ประมาณสามชั่วโมงก็ทั่วทั้งสี่ชั้นแล้วครับ ส่วนร้านขายของที่ระลึกที่นี่สวยมาก ดูดีมีระดับแต่ราคาก็สูงตามไปด้วย
                     นอกจากนี้ด้านนอกยังมีสวนสาธารณะให้เข้าไปพักผ่อนหย่อนใจ มีศาลาจีน ลำธาร เหมาะแก่การนั่งเล่นพักขาจากการเดินชมพิพิธภัณฑ์ครับ




                      

         
       มานั่งดูนาฬิกาแล้วยังพอมีเวลาเลยเดินเล่นไปเรื่อยไปทางซ้ายไปเจอป้าย อะบอริจิ้นพาร์ค....เป็นสวนสาธารณะอีกแห่ง ด้านหน้ามีรูปปั้นแสดงชนเผ่าพื้นเมืองของไต้หวัน ฝั่งตรงข้ามเป็นพิพิธภัณฑ์อะบอริจิ้น ทั้งสองที่ไม่มีอะไรมากครับ เสียดายพิพิธภัณฑ์อะบอริจินจัง ค่าเข้าชมเท่ากับNational Palace Museumกู้กงเลย แต่ว่าเป็นอาคารแค่สามชั้น ไม่ค่อยมีอะไรจัดแสดง  เห็นโรงเรียนประถมพาเด็กมาเที่ยวชมกัน นั่งฟังวิทยากรอยู่ประมาณสี่สิบคน 






         เดินแค่แป๊บเดียว หมดทั่วแล้ว เลยเดินย้อนกลับมาที่ป้ายรถเมลล์หน้าพิพิธภัณฑ์กู้กง นั่งรถเมลล์กลับไปที่สถานีรถไฟฟ้า shilin รถทุกสายผ่านหมดเลยครับ ไม่ต้องกลัว  
         มองดูเวลาเพิ่งจะบ่ายเอง ยังมีเวลาเหลือเยอะไปไหนดีเอ่ย
งั้นไป CKS  Memorial hall ดีกว่า   เลยนั่งรถไฟฟ้าไปโผล่เลยครับ สะดวกมากโผล่มาเจอเลย
          ฟ้ายังครึ้มอยู่มากครับ ด้านหน้าเป็นสวนสาธารณะและมีอาคารอีก 2 อาคารอยู่ใกล้ๆครับ  ภายในมีรูปปั้นและมีการแสดงทหารเปลี่ยนเวรยาม  ถ่ายรูปนิดหน่อย ผมดีหน่อยได้ไปทันช่วยทหารผลัดเปลี่ยนเวรยาม ตอนแรกนึกว่าจะมีกระบวนการเปลี่ยนแค่ไม่กี่นาที ที่ไหนได้ทหารใช้เวลาเปลี่ยนกะเป็นสิบนาทีเลยครับ มีกระบวนท่า ควงปืนมากมายหลายแอ็คเดินสวนสนามกันยาวเลย
       







         
 หลังจากดูเวลานี่ก็เพิ่งบ่ายสามกว่าเอง  เนื่องจากพลังงานยังเหลือเฟือ 
          BearIndyz เลยตอนไปย่าน Ximending ที่เป็นย่านวัยรุ่นทันสมัยไปดู The Red House ซึ่งเป็นตึกเก่าจัดแสดงผลงานดีไซน์สุดเจ๋ง ของเหล่าดีไซเนอร์ชาวไต้หวัน   แล้วในตึกนั้นจะมีร้านขายเสื้อผ้ากระเป๋าแนวดีไซน์แปลกๆ และน่ารักน่าซื้อมาก แต่ราคาสูงเอาการ






            
            จากการเดินสำรวจตลาดที่ ximending นั่น สินค้าต่างๆค่อนข้างแพงกว่าไทย เสื้อผ้าน่ารักดีแต่ก็ราคาประมาณสยามบ้านเรา อย่างแพงกว่านิดๆ บางอย่างก็พอกัน แต่ผมมันแนว Platinum mall เลยไม่ได้อะไรกลับมาน่ะ  มีร้านขนมและของกินให้ชิมเยอะแยะทีเดียว ได้ลองชิมชานมไข่มุข  รสชาติก็เหมือนๆกันกับไทยแลนด์นี่แหละ ลิ้นผมไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเลิศกว่ากันขนาดไหน
             มีร้านขายรองเท้า NB ของแท้ที่เป็นร้านโดยตรงแต่ว่ามีรองเท้ามาโชว์น้อยจัง มีรุ่นไม่เยอะอย่างที่คิดน่ะ
            มีเสื้อผ้า รองเท้า กิ๊ฟช้อป เครื่องสำอางแม้แต่โทรศัพท์มือถือครับให้คุณได้เลือกซื้อเลือกช้อปกันเพลินๆ

             เดินไปเดินมาเริ่มเบื่อเลย เลยกางแผนที่อุตริเดินจาก ximending ไปวัด Qinshui Timeple ซึ่งพอไปถามใคร ทุกคนก็บอกว่าไกลนะพ่อคู้ณ......จะเดินไปจริงๆเหรอ
             แต่ผมเห็นว่าเวลายังเหลือขอเดินเล่นชมเมืองก่อนดีกว่า ยังไม่อยากกลับที่พัก
            พอเดินไปเรื่อยถึงได้รู้ว่าไกลจริงๆ แฮ่กๆ เดินไปเรื่อยๆประมาณครึ่งชั่วโมง กว่าจะไปเจอวัดได้ไหว้พระ ขอพร แล้วเดินต่อไปที่           Bopiliao Historic block ไปถึงเวลา 17.00 น. เป็นช่วงถนนที่เป็นตึกเก่ามีการอนุรักษ์โครงสร้างไว้ ภายในตึกจัดเป็นนิทรรศการของเล่นเด็กในยุคต่างๆน่ารักดี มีของเล่นสมัยก่อนให้เด็กเล่นด้วย  แล้วบางอาคารก็จัดแสดงนิทรรศการในรูปแบบการ์ตูนน่ารักให้ชม มีผู้ปกครองพาลูกๆหลานๆมาวิ่งเล่นได้บรรยากาศอบอุ่นแบบครอบครัวดีจัง  ตอนผมไปชมได้สักพักใกล้จะถึงเวลาปิดแล้วครับ เลยต้องรีบถ่ายรูป รีบเดินไปหน่อยแต่ได้ชมครบหมดนะครับ











              จากนั้นเดินต่อไปอีกนิดเดียวก็เจอวัดหลงซานเลยแสดงว่า ที่จริงแล้ว Bopiliao historic block ใกล้กับวัดหลงซานมากห่างกันแค่ประมาณ 100 เมตรเอง ตอนแรกดูในแผนที่เหมือนว่าจะอยู่ใกล้ๆกับ ximending เสียอีก  มาถึงหกโมงเย็นได้เวลาทานข้าวพอดีเลย ได้แวะทานข้าวเย็นแถววัดหลงซานอีกตามเคยครับ  หลับสบายไปอีกหนึ่งคืน



                 


               

ไม่มีความคิดเห็น: