วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Review Thai lion Air กับการบินไปกัวลาลัมเปอร์

  
สวัสดีครับ เพื่อนๆ สำหรับเพื่อนๆที่เพิ่งเคยเห็นโฆษณาไทยไลอ้อนแอร์ Thai lion Air ว่ามีโปรโมชั่นราคาแสนถูก  ก่อนอื่นต้องบอกว่าเขาจำกัดแค่ไม่กี่ที่นั่งน่ะครับ ดังนั้นเราอาจไม่ได้ราคาอาจไม่ได้ถูกเว่อร์ขนาดนั้น  หลังจากได้ใช้บริการบินไปกัวลาลัมเปอร์แล้ว ผมเลยขอรีวิวให้ฟังแบบง่ายสไตล์ BearIndyz มาว่ากันทีละเรื่องแล้วกันนะครับ


ระบบการจองทางอินเตอร์เน็ท
1. เส้นทางการบินยังมีแค่ เชียงใหม่ กรุงเทพ กัวลาลัมเปอร์ จาการ์ต้า แต่ได้ข่าวว่าจะเปิดบินอีกหลายเส้นทางต้องรอติดตามข่าวต่อไป
2.  กดจองตั๋วเครื่องบินง่ายดี ไม่ซับซ้อนเหมือนแอร์เอเซีย ราคาที่ปรากฏคือราคาสุดท้ายแล้วครับ ไม่ได้ต้องบวกนั่นโน่นนี่ตอนท้ายเพิ่มให้วุ่นวายสับสนอีก
3.  รับการจ่ายเงินด้วยบัตรหลากหลายมากครับ สะดวกสบาย  
4.  เมื่อจองแล้วก็จะมีหลักฐานส่งไปที่อีเมลล์ของเรา เหมือนกับแอร์เอเซีย
5.  ได้น้ำหนักกระเป๋าฟรี 15 กก.พร้อมไปเลยในราคานั้น  เยี่ยมสำหรับนักช็อป ไม่ต้องจ่ายค่ากระเป๋าเพิ่มอีก
6. Thai lion airบินไปลงสนามบิน KLIA ด้วยครับ ซึ่งเป็นสนามบินที่ทันสมัยกว่าสนามบิน LCCT มีรถไฟฟ้า,รถบัส ร้านค้าต่างๆเยอะแยะเต็มไปหมดครับ

แต่ข้อน่าสังเกต (และน่าหนักใจนิดๆ )
1.ไฟล์ทจากกรุงเทพไปมาเลเซียมีแค่รอบเดียว ซึ่งบินออกจากดอนเมืองตอนทุ่มกว่าๆไปถึงห้าทุ่ม ดังนั้นกว่าจะผ่าน ต.ม.แล้วมารอรับกระเป๋าจะเป็นเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว หมดรถบัสและรถไฟฟ้าเดินทางเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์แล้วน่ะครับ ผมเลยต้องนอนที่สนามบิน รอถึงเวลาตีห้าครึ่งถึงจะมีรถเที่ยวแรกเข้าเมือง
2. ไฟล์ทที่เดินทางกลับจากกัวลาลัมเปอร์ก็เช่นกัน มีแค่เวลา 07.55 น. ดังนั้นเสี่ยงมากถ้าคุณจะเดินทางเข้าสนามบินจากรถบัสและรถไฟฟ้าจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์เพราะรอบแรกมีเวลา 05.30 กว่าจะมาถึงสนามบินก็น่าจะเกือบเจ็ดโมงเช้า ค่อนข้างอันตรายที่จะตกเครื่องครับต้องหาแท็กซี่มาน่ะครับ
3. ราคาโปรโมชั่นค่อนข้างแปลกๆ  วันนี้ผมลองคลิกเลือกล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือน ประมาณ10กว่าวัน ไม่เคยได้ราคาโปรโมชั่นเลยอ่ะ เจอแต่ราคาปกติแต่ราคาก็ยังถูกกว่าแอร์เอเซีย (ที่เป็นราคาปกตินะ ไม่ใช่ราคาโปร)


การบริการของพนักงาน
1.ยังไม่มีการให้เช็คอินล่วงหน้า ดังนั้นผู้โดยสารทุกคนจึงต้องมาเช็คอินที่หน้าเคาน์เตอร์เอง ผู้โดยสารต้องเข้าแถวเสียเวลาพอสมควร (ประมาณ 30 นาที)  รู้สึกว่าเวลาที่บินจากกรุงเทพไปจาการ์ตาและกัวลาลัมเปอร์จะใกล้เคียงกันนะครับ เพราะเห็นมีผู้โดยสารของทั้งสองเที่ยวบินมาเข้าแถวรอพร้อมกัน แน่นขนัดล้นหลามทีเดียว
2. การทำงานของพนักงานที่เคาน์เตอร์รวดเร็ว ยิ้มแย้มดี พูดจาไพเราะเปิดเคานเตอร์พร้อมกันหลายช่อง (ตอนผมไปเปิดพร้อมกันห้าช่อง)  มีพนักงานคอยมาเดินจัดคิวให้เข้าทีละช่องด้วย  2คนช่วยกันยิ้มหวาน คนไหนมาเป็นกรุ๊ป คนไหนมาเดี่ยวพยายามจัดให้เข้าช่อง อันนี้รู้สึกดีกว่าแอร์เอเชียครับ
3. การบริการบนเครื่องบิน  พนักงานต้อนรับพูดจาดียิ้มแย้ม ไหว้สวย ถึงแม้จะมีประโยคพูดไม่ค่อยเหมือนกัน ในระหว่างเที่ยวบินขาไปและขากลับ (ขาบินไปกัปตันพูดนิดหน่อย ขาบินกลับไทยแลนด์กัปตันพูดรายงานสภาพอากาศ  ระดับความสูง บอกเวลาท้องถิ่น กล่าวขอบคุณและกล่าวอวยพรปีใหม่ผู้โดยสารเสร็จสรรพ 555)
4. เครื่องบินใหม่มากกกก   ใหม่เอี่ยมแต่ที่นั่งต้องทำใจเพราะเล็กพอสมควรพอๆกับแอร์เอเซีย แต่รู้สึกว่าที่วางแขนจะเล็กกว่านะประมาณรถทัวร์ป.1 (ไม่ใช่ระดับวีไอพีนะ)  คนที่สูงมากระดับ 180 ซ.ม.ขึ้นไป อาจจะเกิดปัญหาเข่าชนได้หรือคนไหล่กว้าง นักกล้ามอาจจะเบียดกับคนนั่งข้างๆนะ
5. อาหารบนเครื่องบินไม่ได้ลอง แต่ที่แน่ๆ ทำเมนูไม่สวยเลย ทำกราฟฟิกใหม่เถอะนะ วาง Layout ปรับภาพใหม่....คือมันดูเก่าล้าหลัง ใช้ตัวอักษรดูโบราณมาก ภาพถ่ายอาหารก็ไม่ชัด ดูมืดๆไม่น่าทานเลย สีสันจืดสนิท 


  โดยส่วนตัวผมคิดว่าการบริการโดยรวมดีนะ พนักงานพูดจาดี ถึงแม้จะเห็นมีบางคนติโน่นบ่นนี่ แต่เท่าที่เห็นพนักงานก็ทำงานเต็มที่นะครับ อาจจะไม่ได้ดูแลเทคแคร์ดีมากเหมือนกับสายการบินอื่นๆ แต่เมื่อเทียบกับราคาตั๋วแล้ว ผมค่อนข้างประทับใจนะ  มีติดขัดเรื่องเวลาบินที่มันดึกมากและเช้าจัด ที่อาจจะเป็นประเด็นให้ลังเลในการเลือกใช้บริการครั้งต่อไป

 

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สถานที่น่าถ่ายรูป วันคริสมาสต์ ในกทม.

         วันนี้ BearIndyz มาแนะนำสถานที่ถ่ายรูปต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์ ต้องยอมรับว่าเทศกาลคริสมาสต์บ้านเรามีการลงทุนตกแต่งสถานที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ พอสมควรครับ มีบ้างพอเป็นกลิ่นไอ แต่บางประเทศนี่เขาจัดเต็มตกแต่งกันทั้งเมืองเลย


ลานด้านหน้า Central World
เป็นสถานที่ที่ของนักถ่ายรูปทุกปี บางปีตกแต่งมากน้อยแล้วถือว่าจัดเต็มกว่าที่อื่นๆ แนะนำว่าไปช่วงบ่าย จะได้ไม่ร้อนจนเกินไป กลางวันนี่ร้อนเกินไป เดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวยนะเธอ




หมียักษ์ หน้า Amarin Plaza
หมียักษ์ ที่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้ไปแล้ว ทั้งๆที่ตั้งมาหลายปี แต่ทางห้างก็มีการตกแต่งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หมีตัวนี้เป็นประจำ น่ารัก น่ากอดตลอดเวลา เวลาถ่ายอาจต้องแย่งชิงกันเล็กน้อยเพราะมุมถ่ายน้อย
     แต่ปีนี้ กลับพบว่า มีการตกแต่งหมีน้อยนิดหน่อย แต่พื้นที่ลานด้านหน้าไม่มีอะไรเล้ย....ไม่เป็นไร ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่นะ



Siam Paragon
ถึงว่าจะมีมุมถ่ายรูปไม่มากนัก  แต่ก็มักจะมีการตกแต่งอะไรเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปได้ลง Facebook , Instagram ไม่น้อยแถมเดินต่อเนื่องมาจาก Central World ได้เลย


              สำหรับห้างอื่นๆนี่ต้องบอกว่าแล้วแต่สถานการณ์บ้านเมือง งบประมาณในแต่ละปี ....บางปีสวยเชียว บางปีมีตกแต่งนิ้ดเดียวเอง ปีนี้พบว่าหลายสถานที่เงียบเหงามาก  ไม่เป็นไรนะ ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

X'mas 2013 @ Central World

           ปีนี้ได้มีโอกาสแวะเข้าไปถ่ายรูปต้นคริสมาส์ที่ Central เหมือนทุกปี แต่ต้องบอกเลยว่ามีการตกแต่งน้อยมาก  บรรยากาศไม่ค่อยครึกครื่นเท่าไหร่
    เอาน่า...อย่างน้อยก็ทำให้บ้านเมืองมีสีสันขึ้นมาอีกหน่อย













วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เตรียมอุปกรณ์พร้อมท่องเที่ยวตามฤดูกาล

             สำหรับนักท่องเที่ยวแบกเป้ ที่เดินทางไปด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปกับบริษัททัวร์ที่มีรถทัวร์บริการรับส่ง เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ วันนี้ BearIndyz มาแนะนำเทคนิคในการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับสภาพอากาศกันครับ



ฤดูร้อน

หากคุณเดินทางไปเที่ยวใน ช่วงฤดูร้อนของประเทศนั้นๆ อย่าลืมเตรียมสิ่งเหล่านี้ไปด้วยนะครับ
1. เสื้อแจ็คเกตเนื้อบาง สำหรับกันแดด เพราะบางประเทศนี่แดดเผากว่าบ้านเราอีกนะ เลือกเนื้อผ้าที่ลมถ่ายเทเย็นๆ ช่วยปกป้องแขนไม่ให้ไหม้ได้นะครับ
2. หมวกแก็ปเก๋ สักใบ  แนะนำว่าขอให้มีปีกหมวกที่ช่วยกันแดดได้จริงๆนะครับ ไม่ใช่หมวกแฟชั่นเลิศๆแต่บังแดดอะไรไม่ได้


3. ครีมกันแดด ขั้นต่ำ  SPF 30 ขึ้นไป  เพราะเดี๋ยวนี้โลกเราร้อน  SPF 15 นี่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ
แล้วให้พกไปสำหรับทาเพิ่มด้วยนะ  ทาบ่อยๆด้วย  BearIndyz หลังลอกมาหลายครั้งเพราะความขี้เกียจทาครีมนี่แหละ 5555

4.กระบอกน้ำ  สำหรับพกน้ำไปดื่มในระหว่างเดินทางไปข้างนอกเผื่อว่าบางสถานที่ไม่มีร้านค้าหรือห่างไกลชุมชน อากาศร้อนอาจหิวน้ำบ่อย ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำครับ ในบางประเทศเช่นสิงค์โปร์ เพื่อนๆสามารถไปกดน้ำตามที่กดน้ำสาธารณะกดใส่ขวดเปล่าที่เตรียมไว้ เก็บไว้ดื่มได้ระหว่างท่องเที่ยวประหยัดเงินไปได้เยอะเลยนะครับ




ฤดูฝน

1. รองเท้าฟองน้ำ หลีกเลี่ยงรองเท้าหนังที่อุ้มน้ำ ให้เตรียมรองเท้าแตะฟองน้ำเตรียมไปเผื่อไว้ด้วย เพราะบางสถานที่ที่เป็นแนวธรรมชาติ ถ้ามีฝนตกน้ำขัง รองเท้าหนังคู่หรูของคุณอาจจะโดนน้ำจนพังไปได้ง่าย 
2.เสื้อแจ็ตเกตผ้าร่ม  แบบที่คนใช้มอเตอร์ไซค์ใส่กัน ช่วยผมไว้ได้หลายครั้งแล้ว พับเก็บง่ายสะดวก
3. ร่มพับแบบแข็งแรง เน้นว่าแบบแข็งแรงหน่อยนะครับ เพราะส่วนใหญ่ร่มพับมักจะถูกลมพัดตีกลับได้ง่าย ลองเลือกรุ่นที่แกนเหล็กใหญ่
ไม่งั้นเวลาลมพัดมาแรงๆ ร่มอาจหักงอได้นะ
4. เสื้อกันฝนแบบชั่วคราว แบบที่ขายใน 7-11 แต่จากประสบการณ์ผม พอดึงออกมาใช้ พับกลับยากมากกลายเป็นเกะกะ ระยะหลังผมเลยเตรียมเสื้อแจ็คเกตผ้าร่มไป กันฝนและอากาศเย็นได้ (แต่ถ้าอากาศหนาวมากๆ เสื้อผ้าร่มนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ย)
5.เสื้อผ้าที่ใส่ไปเที่ยว ก็ควรเป็นเนื้อผ้าที่แห้งง่าย ถ้าโดนฝนจะได้แห้งเร็วครับ  ถ้าเป็นผ้าหนาหรือแห้งยาว อาจจะเกิดความอับชื้นได้




ฤดูหนาว
1. ถุงมือ  บางท่านที่เตรียมตัวไปเที่ยวบนดอยหรือบนภูเขา มักจะเตรียมไปแต่เสื้อกันหนาว แต่อาจจะไม่ได้เตรียมถุงมือไปด้วย  มือเราก็สำคัญนะครับ หาซื้อไว้สักคู่หนึ่งราคามีตั้งแต่ 50-หลายร้อยบาท แล้วแต่คุณภาพ  ผมเคยซื้อคู่ละ 40 บาท แต่พอใส่ๆไปขนไหมพรมเริ่มหลุดๆๆๆต้องทิ้งก่อนจบทริป
2. เสื้อคลุมแบบมีฮู้ดหรือหมวก   ในอากาศเย็นๆ เมื่อเดินไปสักพักคุณจะเริ่มรู้สึกเย็นหรือมีน้ำอยู่ที่ผม 
มีน้ำค้าง หมอกในอากาศเย็น หลายคนไม่สบายเพราะแบบนี้แหละครับ ดังนั้นควรหาเสื้อหรือหมวกที่ป้องกันความเย็นศีรษะ น้ำค้างต่างๆด้วย
3. ผ้าพันคอ  ขอให้เลือกแบบเนื้อหนาสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายจริงๆนะครับ โดยเฉพาะคนที่ไปประเทศที่อากาศเย็นๆ สร้างความอบอุ่นให้แก่คอ และบริเวณปาก ไม่งั้นปากแตกได้นะครับ

4. ผ้าปิดปาก บางคนหนาวจัดจนจมูกแดง ปากเขียว ให้ระวังหน่อยนะครับเพราะอาจหนาวจนเลือดกำเดาไหล เส้นเลือดฝอยแตกไม่รู้ตัว ผมใช้วิธีเอาผ้าปิดปากลายการ์ตูนมาใส่ ก็ช่วยทำให้จมูกอุ่นขึ้นได้ดีทีเดียวครับ



3. ถุงเท้ายาว  แบบถุงเท้าลูกเสือ หรือจะหนากว่านั้นก็ดีใส่ให้เท้าเราอบอุ่น ไม่งั้นเท้าเย็นจะเดินลำบากนะครับ
4. ครีมบำรุงผิว แบบมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น เมื่อก่อน BearIndyz เคยไปเที่ยวดอย แต่พกไปแค่ครีมบำรุงราคาถูกสูตรธรรมดา  ทาไปแป๊บเดียว 10 นาที เจออากาศหนาวนิดเดียวผิวกลับมาแห้งเหมือนเดิม ขวดเดียวใช้หมดภายใน 7 วันเลย ดังนั้นเพื่อนๆลองเลือกหายี่ห้อดีๆ เนื้อครีมมีมอยเจอร์ไรเซอร์เยอะหน่อย แล้วพกติดตัวไปด้วยนะครับ
 5. อย่าอายถ้าต้องสวมเสื้อหลายๆตัว    หลายคนอายที่จะสวมเสื้อทับซ้อนกันหลายตัวจนดูอ้วน  BearIndyz อยากให้เพื่อนๆใส่ไปเท่าที่เรารู้สึกอบอุ่น จะสามชั้นสี่ชั้นก็ใส่ไปเถอะ ไม่งั้น ถ้าปล่อยให้ร่างกายหนาวมากจนสุดท้ายไม่สบาย จะอันตรายมาก ยิ่งหากไปท่องเที่ยวในสถานที่ห่างไกล บนดอย บนภูเขา

          และที่สำคัญ  เตรียมยาติดตัวไปบ้างครับเมื่อคุณเดินทางไปแล้วเจอสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันมาก ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน อาจมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนได้ ควรมียาไว้กินป้องกัน
 และควรท่องเที่ยวโดยดูสภาพร่างกายของตัวเองด้วยนะครับ ไม่อยากให้ฝืน ถ้าหนาวมากไม่ไหวก็เก็บตัวอยู่ในที่พักก่อน หรือร้อนจัด ก็ไม่ต้องไปลุยออกแดด  หากเริ่มรู้สึกผิดปกติให้รีบเดินทางไปพบแพทย์ก่อน 

โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปกับเด็กหรือผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องหมั่นคอยสังเกตอาการนะครับ





วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Lost in Paradise หนังเวียดนามที่สะท้อนภาพชีวิตของคนโฮจิมินห์

               สำหรับเรื่องราวที่ผมเคยเล่าไปแล้วตอนไปเที่ยวโฮจิมินห์ไปแล้วนั่น ผมอยากจะเสนอภาพยนตร์ให้เพื่อนๆ ลองเข้าไปดูกันได้ครับ  
              ภาพยนตร์เรื่อง Lost in Paradise  หรือ Hotboy Noi loan ที่สะท้อนเรื่องของผู้คนหลากหลาย ที่เข้ามาแสวงโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้นในโฮจิมินห์ ทั้งเด็กหนุ่มที่มาจากต่างจังหวัดเพื่อหวังหางาน,โสเภณีกร้านโลก ที่ไม่มีใครสนใจจะซื้อ,คนเก็บขยะ ที่หลงรักโสเภณีริมทาง,เกย์ขายบริการ ที่ไม่คิดจะรักใครอีก




               เมืองสวรรค์ ที่ผู้คนต่างเข้ามาทำงานหาเงิน แล้วก็ต่างเผชิญกับโชคชะตาต่างๆ   ภาพยนตร์ถ่ายทำที่โฮจิมินห์  ในช่วงเปิดเรื่องจะได้เห็นวิถีของผู้คน,ตึก Chanel , สวนสาธารณะ ,บ้านเมือง,รถราที่วิ่งแล่นไปตามถนน 
                 บางคนบอกว่าเรื่องนี้เป็นหนังเกย์ แต่ผมว่ามันเป็นหนังที่สะท้อนเรื่องราวของตัวแทนคนด้อยโอกาส หรือบุคคลที่น่าสงสารในสังคมเวียดนามมากกว่า ทั้งคนเร่ร่อน,เกย์,เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัด,โสเภณี  ทุกคนล้วนแต่ด้อยโอกาสในสังคม   
                  ฝีมือการแสดงทุกคนเก่งมาก โดยส่วนตัวผมชอบนักแสดงที่เล่นเป็นคนเก็บขยะ และโสเภณีมากกว่าตัวละครหลักครับ