วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

(มาเลเซีย ตอนที่ 2) เที่ยวมะละกา เมืองวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์เพียบ...ร้อนหน่อยนะ แต่สวย

                    มะละกาเป็นเมืองเล็กๆ ที่ประเทศมาเลเซีย  อยู่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์หลายชั่วโมงอยู่ครับ ประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งจากเบื่องต้นพบว่าเป็นเมืองเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองเป็นเมืองท่าในการค้าขายขนส่งสินค้าในภูมิกาคนี้ เคยมีต่างชาติเข้ามาค้าขายจะมีสิ่งก่อสร้างในอดีตที่สำคัญมากมาย จนได้รับการขึ้นทะเบียน มีป้อมปราการเก่า โบสถ์เก่า พิพิธภัณฑ์อีกมาก...อือม์  แนวนี้ถูกใจผมอยู่แล้ว


                    ดังนั้นการวางแผนการเดินทางจึงเริมต้นขึ้น ผมขอเริ่มต้นการเดินทางจาก KL Sentral (Puduraya)เป็นขั้นตอนดังนี้ครับ 
1.ไปที่ KL Sentral นั่งรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ด้านหลังตึก ตอนแรกผมมองหาสถานีรถไฟฟ้าไม่เจอนะครับ เดินวนไปวนมาตั้งหลายรอบ  ต้องเข้าไปในตึกKL Sentralนะครับ แล้วมองหาป้ายรถไฟฟ้าดีๆ ป้ายจะไม่ค่อยใหญ่นะครับ
                 2.นั่งไปลง Bandar Tasik  selatan ซึ่งสถานีนี้จะวิ่งออกไปชานเมืองหน่อยครับ พอไปถึงแล้วจะเห็นสะพานลอยใหญ่เป็นทางเชื่อมไปที่อาคารสถานีขนส่ง 
                3.เดินไปที่อาคารสถานีขนส่ง เป็นตึกใหม่เอี่ยมอาคารใหญ่ ดูไฮโซทันสมัยเป็นอาคารสถานีขนส่ง จะเห็นคนเดินข้ามไปกันเยอะ เดินตามๆ เข้าไปได้เลยครับ




               ไปถึงภายในก็หาเคาน์เตอร์ไปมะละกา Melaka ที่นี่ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีพวกเร่ขายตั๋วเชียร์แขกมาวุ่นวายครับ สภาพภายในอาคารใหม่มาก แอร์เย็นฉ่ำ ความสะอาดครับ 
พนักงานขายตั๋วพูดจายิ้มแย้มดี พอซื้อตั๋วแล้วในตั๋วจะบอกชานชาลาที่ให้รอครับ พนักงานจะขอดูพาสปอร์ต แล้วพิมพ์ชื่อลงไปในตั๋วให้ด้วย  อยากบอกว่าสภาพอาคารใหม่มาก นึกว่ามานั่งรถอยู่ในสนามบิน เก้าอี้ที่นั่งรอใหม่เอี่ยม   ตรงชานชาลามีตัวอักษรวิ่งเป็นภาษาอังกฤษบอกครับ
ราคาประมาณ 9 rm 
ใช้เวลาวิ่งประมาณ 3 ชั่วโมง  


แต่รถของผมวิ่งช้าหน่อยนะครับประมาณเกือบสามชั่วโมงครึ่ง ผมแนะนำว่าให้รีบๆไปหน่อยเพราะรอบรถวิ่งไม่ได้มีเยอะมาก รอบของผมต้องรออยู่เกือบชั่วโมงครับ 



              สภาพรถบัสวิ่งระหว่างเมืองในมาเลเซียเนี่ยจะไม่มีห้องน้ำในรถบัส ดังนั้นทุกท่านควรทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อน รถจะวิ่งขับผ่านป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม แสนรื่นรมย์ (เอ่อ.....เพลงเก่าไปหน่อยนะครับ) ขึ้นภูเขา ลัดเลาะไปเรื่อยบรรยากาศดี ผมเห็นคนมาเลเซียบางคนเตรียมเสบียงมานั่งทานในรถด้วยครับ.....(รวมทั้งผมด้วย เตรียมขนมปังมากิน 555)

              วิวสองข้างทางสวยเชียว ภูเขาต้นไม้ยังเยอะแยะ มองสบายตา ฟังเพลงบ้าง หลับบ้าง ก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา คือ Melaka Sentral Bus station 

               4.มาถึงMelaka Sentral Bus station ซึ่งคือสถานีขนส่งของเมืองมะละกา เป็นสถานีขนส่งใหญ่พอสมควร ไม่ใหม่มากแต่ดีกว่าเอกมัยบ้านเราเยอะ ภายในมีร้านขายของ ร้านอาหาร แอร์เย็นฉ่ำ แวะทานอะไรสักหน่อยก็ดีนะ 
         แล้วก็เดินหาสายรถเมลล์เข้าไปตัวเมืองมะละกา  เข้าไปถามข้อมูลที่ Information counter เจ้าหน้าที่ให้สายรถเมลล์มา แต่ปรากฏว่านั่งรถนานมาก ไม่เห็นสายรถเมลล์นั้่นสักที   มีนักท่องเที่ยวคนท้องถิ่นทั้งนั่ง ทั้งยืนรอกันเพียบเลย สงสัยรถขาดระยะรอกันจนเกือบชั่วโมง
             พอมีรถเมลล์คันนึงมาจอด ผมเลยไปถามคนขับว่าผ่าน Christ Church ไหม  คนขับหน้าดุแต่พยักหน้าพร้อมกวักมือเรียกให้ขึ้น คนแน่นเต็มคันเลยถึงขนาดยืนกันกันเบียดเสียด  สักพักรถก็ทะยานออกไปครับ ประมาณสัก 15 นาที 

              วิ่งมาถึงย่านตัวเมือง สภาพอาคารในเมืองมะละกาส่วนใหญ่ผมเห็นเขาไม่มีมีอาคารสูง มีบ้างแต่น้อย ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเก่าสมัยก่อน  สูง2 ชั้น แล้วทาสีใหม่เข้าใจว่าได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไว้ จึงต้องดูแลและอนุรักษ์ของเก่าไว้น่ะครับ   ส่วนการลงป้ายไหนนั้น ไม่ต้องกลัวลงไม่ถูก เพราะว่าเห็นโบสถ์คริสต์ชัดเจน เต็มไปด้วยผู้คนนักท่องเที่ยว ขนาดผมไปวันศุกร์วันธรรมดา ยังเห็นรถบัสนักท่องเที่ยวและบรรดากรุ๊ปทัวร์แสนแปด  รถเขาจะจอดให้ลงอยู่แล้วครับ


            
       เมื่อมาถึงก็กางแผนที่ที่เตรียมมาเดิน.....เดิน แล้วก็เดิน ขอให้เตรียมฟิตความพร้อมของกำลังขาให้ดี เพราะที่นีพิพิธภัณฑ์เรียงรายต่อเนื่องกัน แล้วเป็นโซนที่ให้นักท่องเที่ยวเดิน  อ้อ...เพื่อนๆอย่าลืมหมวก...และร่มไปด้วยนะ  เพราะแดดที่นี่ร้อนมาก และรองเท้าขอให้แบบใส่สบาย เดินได้ทน รองเท้าส้นสูง ส้นเข็มเก็บไว้เดินช็อปปิ้งในห้างแล้วกัน
              กว่าจะมาถึงก็เกือบ 12.00 น.ทั้งๆที่ออกจากกัวลาลัมเปอร์มาตั้งแต่ 08.00 น. แดดที่นี่ร้อนมากเดินกางร่มกันแทบทั้งนั้นครับ ผมมีแค่หมวกแก็ปเบาๆ เหงื่อไหลเป็นทางเลย แนะนำให้ออกมาตั้งแต่เช้าตรู่   ตอนวันที่ผมไปโชคดีมากครับ เป็นวันพิพิธภัณพ์สากลอะไรสักอย่าง ปรากฏว่า เข้าฟรีทุกพิพิธภัณฑ์ เย้เย้ ..... งานนี้เลยแวะชมมันไปทุกที 

              สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ อาทิเช่น 
Museum of literature
Democratic Museum
Marinetime Musuem
Cultural Museum
Porta Santiago
และอีกมากมายก่ายกอง ให้คุณปวดขาตุ๊บๆ เลยทีเดียว



                มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่านั่งคือสามล้อปั่นสไตล์มะละกา ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยงาม (พลาสติกน่ะ) เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวมากครับถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ ไม่ได้สอบถามราคาเพราะเห็นนักท่องเที่ยวจองคิวกันยาวพอควร 





               ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยตามแผนที่ เดินผ่านสวนสาธารณะไปจนถึงเครื่องเล่นชมวิวที่ติดโฆษณา tiger beer น่ะครับ ที่จะนั่งแล้วพาเราขึ้นไปชมวิวแบบ 360 องศา เห็นคนใช้บริการกันไม่เยอะ  ประหยัดเงินดีกว่าเรา


              เลยแวะกินไอติมที่แมคโดนัลด์สาขามะละกา อือม์ รสชาติเขาได้มาตราฐานดีจริงๆ เหมือนกันหมดทุกที่  เข้ามานั่งเติมพลังความเย็นจากแอร์พักเหนื่อยก่อน

              พอหายเหนื่อยเดินย้อนกลับมาที่ Christ Church เห็นว่าฝั่งตรงช้ามริมฟุตบาธที่เต็นท์ของขนมและ เครื่องดื่มเลยแวะไปเดินดู เจออยู่เต๊นท์นึงขายน้ำแข็งไส คนขายเป็นเชื้อสายแขกแต่พูดจายิ้มแย้มเชียร์แขกสุดฤทธิ์   แล้วแวะกินขนมหวานน้ำแข็งไสสไตล์มะละกา  ใส่เฉาก๊วย วุ้นใส ถั่วแดงและอีกสารพันส่วนผสม ใส่น้ำกะทิ...สดชื่นดีครับ  ถ้วยละ 2 RM


              แล้วเดินดูของตามตึกแถวย่านนั้นไปเจอร้านขายไอศครีม Home made ราคาแพงหน่อยแต่คนขายเป็นอาตี๋มาเลย์ หล่อดี....ไม่แน่ใจว่าป่านนี้กิจการยังรุ่งเรืองอยู่รึป่าว เพราะตอนไปกินมีผมคนเดียว (...เค้าเป็นห่วงนะตัวเอง)






               สำหรับท่านใดที่ไม่แน่ใจเรื่องการท่องเที่ยว ฝั่งตรงข้ามกับ Christ Church จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนักท่องเที่ยวคอยให้บริการ เป็นผู้หญิงมุสลิมโพกผ้าสวยงาม แต่ก็ทะมัดทะแม่งดีครับ ผมยังรบกวนให้ช่วยตั้งค่าโทรศัพท์มือถือให้ด้วย ช่วยผมทำอยู่ตั้งนานกว่าจะสำเร็จ แบบว่ามือถือผมมันพิศดาร ขอบคุณนะคร้าบบบ....ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดีมาก 

               ผมใช้เวลาในการเดินชมสถานที่ต่างๆอยู่เกือบสี่ชั่วโมงน่ะ ขนาดว่าเร่งรีบและมีอีกหลายโซนที่ยังไม่ได้เดินไป ที่จริงมะละกาเป็นเมืองที่มีสถานที่น่าเที่ยวมากมาย  ถ้าใครมีเวลาแวะไปนอนค้างสักคืนนะ รู้สึกว่าวันเสาร์เขาจะมีถนนคนเดินด้วย และราคาที่พักแบบโฮมสเตย์ hostel ประมาณคืนละ 500-800 บาทเท่านั้นเอง








               
               พอประมาณสี่โมงผมก็มารอรถที่ป้ายเดิมคือตรงจตุรัสที่ Christ Church ที่ลงรถเมลล์มาในตอนแรก รอรถเมลล์นานเหมือนเดิมไปถึงที่ Melaka Sentral ใกล้ห้าโมง 
            เลยรีบไปซื้อตั๋วกลับกัวลาลัมเปอร์ครับ เห็นนักท่องเที่ยวแห่กลับกันเยอะเลย ผมว่าทุกคนคงคำนวณแล้วว่ากว่าจะไปถึงมะละกะก็น่าจะมืดน่ะครับ กัวลาลัมเปอร์เองก็รถติดครับ ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกเนี่ย สาหัสเอาการไม่ต่างจากไทยแลนด์บ้านเรา เลยต้องรีบๆกลับกัน ซึ่งมีหลายบริษัทให้คุณเลือกซื้อตั๋วกลับกัวลาลัมเปอร์ รถเก่าหน่อยใหม่หน่อยแตกต่างกันไป ผมเจอรถเก่าหน่อย เซ็งเล็กน้อย แต่หลับๆตื่นถึงกัวลาลัมเปอร์ประมาณทุ่มกว่าๆ งานนี้กลับที่พักทันทีเพราะเมื่อยขา ปวดขาตุ๊บๆมาก 

              

              ได้ข่าวว่าที่มะละกามีสถานทีท่องเที่ยวเกิดขึ้นใหม่อีกหลายที่ ที่น่าสนใจ ยังไงถ้ามีโอกาสคิดว่าจะแวะกลับไปเที่ยวมารีวิวให้เพื่อนๆชมกันอีกครับ