วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

(ตอนที่ 3 )เช้าวันแรก ก็ตะลุยไป Yehliu Geopark, Gold Mine Museum,ตลาดจิ่วเฟิ่น

                      วันนี้ BearIndyzตื่นมาแต่เช้าประมาณตีห้าครึ่งก็รีบอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้ตั้งใจจะเดินทางไกลไป Yehliu ซึ่งห่างออกจากไทเปไปประมาณสองชั่วโมง ดีที่เมื่อคืนได้มีการเตรียมตัวให้พร้อม

โดยในเป้ประกอบไปด้วย
1.น้ำดื่มขวดเล็ก
2.แผนที่ท่องเที่ยว
3. เสบียงอาหาร เป็นขนมเล็กน้อย 
4.แบตเตอรี่สำรองพร้อม (วันนี้ไปหลายที่ ต้องถ่ายรูปเยอะแน่ๆเลย)
5.รองเท้าผ้าใบ (เพราะเดินไกลโฮกแน่ๆ)
6. ร่มพกพา


                      หกโมงเช้าก็ออกจากที่พักครับ ลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีหลงซาน ผู้คนบางตาครับ ร้านค้าทั้งหลายยังไม่เปิด แต่ก็มีคนมาบริการแล้วนะ ตอนแรกนึกว่าจะวังเวง นั่งไปที่ Taipei Main station ตามลายแทงที่หลายๆท่านบอกไว้ว่าให้หาทางออก Z3 ทางออก Z3 จะอยู่ในโซนที่เป็นพลาซ่าที่สถานีรถไฟฟ้านะครับ จะอยู่ด้านขวา




                 พอเดินขึ้นมาจะเจอกับสถานีรถบัสเลย  ที่นี่จะเป็นสถานีเล็กๆ มีช่องขายตั๋ว บอกเขาว่าจะเย่หลิว เท่านี้ก็ได้ตั๋วมาใบนึงเป็นภาษาจีนล้วนๆราคา 96 nts (อ่านอะไรไม่ออกเลย) แล้วยืนรอรถที่ชานชาลา เห็นเช้ามีร้านขายของเปิดอยู่แต่เพิ่งจัดร้านน่ะครับ เลยอดชิมไป
                       รอประมาณ 15 นาทีรถก็มาจอดครับ  รถสภาพใหม่เชียว รถที่นี่ทันสมัยดีครับ มีไมโครไฟในคนขับรถด้วย  สังเกตที่แผงบังคับคนขับรถจะมีกล้องดูท้ายรถด้วยครับ  ดูไฮโซ

รีวิวรถวิ่งไปเย่หลิว
1.รถสภาพไม่ใหม่มาก แต่สะอาด
2. ป้ายอักษรวิ่ง เป็นภาษาจีนและอังกฤษติดตั้งด้านหน้ารถ คนนั่งจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องกลัวลงผิดป้าย
3. กริ่งมีติดไว้ทั่วรถ ทุกสาขา ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผมลองนับดูไม่ต่ำกว่า 10 จุด กดตรงไหนก็ได้ครับ
4. แอร์เย็นกำลังดี ทำให้เคลิ้ม

       ระหว่างที่ออกจากไทเป รถก็จะแวะรับผู้โดยสารตามจุดต่างๆ เยอะทีเดียวครับ  ประมาณ 10 จุด  และมีผู้โดยสารทยอยขึ้นลงตลอดเส้นทางครับเข้าใจว่าเป็นคนทำงาน พอรถเริ่มวิ่งไกลไปเรื่อยก็พบว่าถนนแคบลงมากครับ ลักษณะเป็นเมืองที่วกวนเลี้ยวไปเลี้ยวมาตามภูเขาเหมือนเวลาเราเดินทางไปทางเหนือน่ะครับ  วิวสวยมากต้นไม้และภูเขาลำธาร ทำให้สดชื่นครับ
       รถวิ่งมานาน ผมชักไม่มั่นใจเลยถามคนข้างๆว่าจะไปเย่หลิวอีกไกลไหม เขาตอบอังกฤษได้ดีบอกว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมง  เซี่ยะเซี่ยหนี่  ขอบคุณคร้าบบบ
       



       จนในที่สุดรถก็มาถึงป้าย Yehliu มีตัวอักษรสีแดงขึ้นที่ป้ายวิ่งบอกในรถ พอถึงแล้วให้เดินย้อนมานิดนึงจะเจอป้ายสีเขียวนะครับ ให้เดินเข้าไปในซอยนั้นน่ะครับ เดินไปประมาณสิบนาที จะผ่านวัดจีนและเห็นเรือประมงจอดเรียงรายกันอยู่หน้าวัดน่ะ เดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอ yehliu Geopark




        ลืมเล่าไปว่าทริปนี้ BearIndyz คาดการณ์ผิดนึกว่าอากาศจะร้อนมาก ปรากฏว่าวันนี้มีฝนตก ลมพายุพัดแรงมาก เสื้อที่ใส่ไปเป็นแค่เสื้อฮู้ดผ้าบางๆ หนาวเอาการแต่พอไหวครับ แต่เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นจัดมาเต็มมาก ทั้งเสื้อแจ็คเก็ต โอเวอร์โคท กางร่มไม่ได้เลยลมพัดมาทีแกนร่มตีกลับหมดเลย...เลยต้องเดินดุ่มเอาอย่างเดียว

         ไปถึงเวลา 08.30 น.พอดีเลย ได้เวลาเปิดทำการแล้ว ซื้อตั๋วเข้าไปได้เลย แต่น่าเสียดายนิดนึงเนื่องจากลมพัดแรงมาก คลื่นลมทะเลแรง เจ้าหน้าที่เลยปิดพื้นที่บางส่วนเพื่อความปลอดภัย ขึงเส้นกั้นไม่ให้เดินเข้าไป แต่ก็ได้ถ่ายรูปกับหินไฮไลท์หลายๆรูป  ขนาดผมมาถึงแต่เช้าตรูยังเจอกับนักท่องเที่ยวมากพอควร รถบัสทยอยมาส่งนักท่องเที่ยว ส่วนอาหารเช้า ขนมและน้ำดื่ไม่ต้องห่วง มี 7-11 อยู่ด้านหน้าอุทยานเลย
         








              มีรูปปั้นของชาวบ้านที่ว่ายน้ำไปช่วยเด็กที่จมน้ำ ถึงแม้ว่าจะจมหายไปพร้อมกัน  แต่ชาวบ้านก็สร้างไว้เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญและน้ำใจของคนเรา

             หลังจากเดินชมหินต่างๆอย่างพึ่งพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไป Gold Mine Museum ซึ่งหลายทอดนิดนึง

เดินย้อนมาที่ซอยที่เราเดินเข้ามา ย้อนกลับไปแล้วข้ามฝั่งถนนไปจะมีร้านขายของชำ ให้รอที่ป้ายรถเมลล์เล็กๆนี้ (ผมก็มองไม่เห็นป้ายรถเมลล์นะ แต่เห็นคนมายืนรถอยู่สามสี่คน) รอไม่ถึงห้านาที รถเมลล์สาย 1022 ก็วิ่งมาทันที ตกใจเลยเร็วจังวิ่งขึ้นรถเกือบไม่ทัน


     
                สภาพรถเมลล์สายนี้จะเหมือนเป็นรถวิ่งระยะใกล้ คล้ายๆกับรถยูโรน่ะ ที่นั่งไม่เยอะมีแต่ราวยืน ดีหน่อยที่ผมได้นั่งครับ รถเมลล์ที่ไต้หวันนี่จะมีที่นั่งสำรองให้แก่คนแก่,คนท้องเด็ก เขาจะไม่นั่งกันเลยนะครับ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนแก่ขึ้นมาก็ตาม
                รถจะวิ่งไปเรื่อยนานประมาณ 30 นาที (ไม่แน่ใจน่ะครับ ไม่ได้จับเวลาลืม) วิ่งเข้ามาเป็นตัวเมืองเห็นเป็นตึกสูงๆทันสมัย แล้วรถก็จะมาจอดตรงท่ารถ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะติดทะเล สังเกตไม่ยาก พอลงรถให้ข้ามสะพานลอยอันใหญ่ไปฝั่งตรงข้ามแล้วรอรถสาย 1013  รถจะสุดสายที่จินกั่วชิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง




              เส้นทางสายนี้จะวิ่งสวยกว่าเดิมอีกครับเพราะรถจะวิ่งโค้งลัดเลาะขึ้นไปตามภูเขา แล้วเบื้องล่างจะเป็นทะเลสวยงามมาก แต่บอกไว้เลยว่าโค้งคดเคี้ยวเอาการ

              รถจะมาสุดสายที่ด้านหน้าทางเข้า Gold Mine Museumเลยครับ
              ที่นี่เป็นสถานที่บอกเล่าเรื่องราวการทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่นี้ รวมถึงมีการจำลองบ้านแบบญี่ปุ่นที่เคยดำเนินการขุดเหมืองแร่ทีนี่  ตอนเข้าไปดูวีดีโอบอกประวัติของที่นี่ เห็นว่าชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะขึ้นมา ทยอยก่อสร้างอาคารแบบญี่ปุ่นโดยใช้วัสดุสมัยใหม่เพื่อความแข็งแรง แต่แกะแบบมาจากของเก่าแบบชิ้นต่อชิ้นเลยครับ
              แล้วมีการจำลองอุโมงค์ ภายในจะมีหุ่นคนงานแสดงการทำงานในแต่ละรุปแบบ แล้วมีการใส่เสียงคนงาน เสียงระเบิดเหมือง จำลองเหมือนของจริงมาก
               เจ้าหน้าที่ที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดีมากเลยแต่งานนี้ก็เดินเอาขาลากเหมือนกันเพราะตั้งอยู่บนเนินเขาจะต้องเดินขึ้นบันไดหรือเนินเพื่อไปชมโซนต่างๆ  ทำเอาผมปวดขาอีกแล้ว






              หลังจากเดินเที่ยวชมจนทั่วก็เป็นเวลาประมาณ 14.00 น. ผมเลยเดินทางไปตลาดจิ่วเฟิ่น ซึ่งเป็นการย้อนกลับทางเก่าประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้วครับ ตลาดนี้คนแน่นขนัดมาก ขนาดอากาศไม่ดีฝนตกฟ้าครึ้มลมพัดแรงมาก นักท่องเที่ยวยังหนาแน่น ไม่อยากจะคิดว่าถ้าวันเสาร์ อาทิตย์ผู้คนจะขนาดไหนเนี่ย

               สิ่งที่ตลาดจิ่วเฟิ่นแตกต่างจากตลาดที่อื่นคือ ที่นี่จะเป็นตลาดที่ขายของกิน ของใช้แบบโบราณ แปลกๆ เก๋กู้ด ไม่ซ้ำใคร แล้ววิวสวยมากเพราเป็นตลาดนัดที่คุณต้องเดินขึ้นภูเขาครับ อาคารร้านค้าสองฝั่งก็เป็นแบบญี่ปุ่น  วิวสวยมากครับ  








               ยอมรับเลยว่าของกิน และสินค้าต่างๆที่มาวางขายน่าซื้อมากเลยครับ เดินจนถึงห้าโมงเย็นผมก็ออกมารอรถเมลล์กลับไทเปครับ  ต้องตะลึงกับบรรดาผู้คนที่มายืนรอกลับรถนับร้อยคนเพราะเป็นเป็นนักท่องเที่ยวมารอรถนำเที่ยวด้วยของหลายๆบริษัททัวร์   แถมรถเมลล์มาช้ามากรออยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงครับ ถึงมีรถมาผู้คนนี่เบียดเสียดกันขึ้นรถเลย  ดีนะที่ได้นั่ง บางคนต้องยืนอยู่นานเลย
               รถเมลล์จะจอดที่ป้ายเล็กใกล้ห้าง Sogo สังเกตไม่ยากเพราะคนลงหมดคันเลยครับ มองไปจะเจอห้าง Sogo สีเขียวๆ ให้เดินไปทางนั้น  จะมีสถานีรถไฟฟ้าตั้งอยู่ 

                วันนี้ขอตัวเพียงเท่านี้ก่อนนะ เดี่ยวต้องรีบไปนวดขาที่ปวด ใครที่คิดจะเดินทางท่องเที่ยวในไต้หวัน ขอให้เตรียมกำลังขาให้ดีนะครับ

              

             
              

















ไม่มีความคิดเห็น: