วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

(มาเลเซีย ตอนที่1) การเดินทางจากชลบุรี นั่งรถทัวร์ทะลุไปถึง KL (ไม่อึดจริง ไม่แนะนำ)

                  สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วนะ  วันนี้ BearIndyz จะมาเล่าการเดินทางเมื่อปีก่อน  โดยเดินทางไป KL กัวลาลัมเปอร์ที่โดยส่วนตัวยังรู้สึกไม่นานนะ  เริ่มแรกเลยช่วงนั้นหาตั๋วโปรโมชั่นไม่ได้เลย แม้แต่หางแดงเองก็ราคาไปกลับ 6,000 -8,000 บาท   อาจจะเป็นเพราะยังเป็น Hi Season อยู่  ตั้งใจไว้ว่าจะไปภายในสองอาทิตย์  เลยตัดสินใจหาข้อมูลการเดินทางอย่างอื่นดู  พบว่าคนหาดใหญ่เดินทางไปมาเลยเซียกันโดยรถบัส ซึ่งมีหลายบริษัท










ซึ่งขั้นตอนไม่ยากเล้ยยยย
ชลบุรี ........ไปขนส่งสายใต้ (100 บาท)
ขนส่งสายใต้..........ไปหาดใหญ่ ( 1,000 บาทนิดๆ)
หาดใหญ่...................ไปกัวลาลัมเปอร์ (500 บาท)



            ฮาฮาฮา.....ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณเกือบสองวันครับ 
 เริ่มตั้งแต่ ออกจากชลบุรีตอนเช้า ไปขนส่งสายใต้ช่วงบ่ายๆ  ออกจากขนส่งสายใต้ช่วงบ่ายๆๆ ไปถึงหาดใหญ่ตอนตีห้า  
รอรถเที่ยวแรก 09.00 ไปถึง KL Sentral เวลาประมาณ 18.30 น.หมดไปประมาณ 1,700 บาทครับ



   ขอรีวิวการเดินทางแบบละเอียดหน่อยแล้วกันนะ
สำหรับการเดินทางจากชลบุรีไปขนส่งสายใต้นั้น 
เป็นรถตู้ปกติครับ ไม่มีอะไรมาก 

        ขอข้ามมาเล่าเฉพาะตอนออกเดินทางจากขนส่งสายใต้แห่งใหม่ไปหาดใหญ่ พอไปถึงสายใต้ก็ไปซื้อตั๋วปิยะทัวร์ นั่งรอเวลา ระหว่างรอก็หาของกิน เดินซื้อของนิดหน่อย ผมเพิ่งเคยมาสถานีขนส่งสายใต้แห่งใหม่เป็นครั้งแรก  รู้สึกดีสถานที่กว้างขวางอย่างน้อยก็โล่งกว่าหมอชิต มีร้านค้าพอสมควร มีวัตสัน (ร้านโปรดผม) ไม่ทรุดโทรมเหมือนสถานีขนส่งหมอชิต ที่นับวันจะโทรมและแน่นขนัดขึ้นเรื่อยๆ

       รถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ตอนบ่ายแก่ๆ  ไปถึง ผมก็นอนหลับเอาแรง เอาผ้าห่มคลุมนอนคร่อกฟี้  เผลอกรนด้วยรึเปล่าวไม่แน่ใจ แต่เห็นคนนอนข้างๆ หันหน้าเข้ากระจกเชียว 555  
             พอฟ้าเริ่มมืด คนในรถก็นั่งหลับกัน  ไปเรื่อยๆเริ่มไม่เห็นวิวสองข้างทางเลยนอน นอน แล้วก็นอน  มาตื่นอีกทีตอนรถมาจอดที่จุดพักรถ

        ที่นี่เป็นจุดพักรถที่รถทัวร์หลายบริษัทจอด  รถทัวร์จอดเพื่อให้เราลงมาทานข้าวครับ มีพนักงานของร้านประกาศเสียงตามสายเรียกให้ไปทานที่ห้องรับรอง อาหารที่เตรียมไว้เป็นอาหารทางใต้ครับ  ผมชอบบรรยากาศการมานั่งรวมโต๊ะทานข้าวครับ ผู้โดยสารช่วยเหลือกันดี ช่วยกันตักข้าวใส่จาน ส่งช้อนส้อม ดูเป็นกันเองดีครับ  พอกินเสร็จแล้ว พอมีเวลาให้ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยครับ รถทัวร์ก็ออกเดินทางต่อทันทีครับ  กินอิ่มแล้วจึงนอนหลับต่อ....

       ประมาณ 05.00 เดินทางมาถึง หาดใหญ่  รถทัวร์วิ่งมาจอดในสถานีขนส่ง(แต่ครั้งที่ 2 ที่เดินทางไป รถจอดที่กำแพงด้านข้างสถานี  ไม่ได้เข้าไปจอดด้านใน)  เลยนั่งเล่นสักพัก ประมาณเจ็ดโมงเช้าผมเรียกนั่งมอไซค์รับจ้างไปส่งแถวลีการ์เด้น ขอบอกว่าร่างกายเริ่มโทรม ถึงแม้ว่าจะนอนมาตลอดทาง แต่ปวดเมื่อยตามตัวเอาการ นั่งรอเวลารถยังนั่งสัปหงก  แต่ต้องเดินทางด้วยวิธีนี้ คงต้องพักร่างกายไว้ล่วงหน้านานๆ

       (รอบที่สองหนักว่า ผมนั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปหาดใหญ่ ดีที่เตียงนอนสบายมาก แต่ว่ารถไฟไปถึงหาดใหญ่ช้ากว่ากำหนดการถึงสองชั่วโมงครับ ไปถึงหาดใหญ่เกือบเก้าโมงเช้า หวุดหวิดตกรถบัสไปกัวลาลัมเปอร์)

     สำหรับรถทัวร์ที่ผมนั่งไปกัวลาลัมเปอร์ เป็นรถของบริษัทนึงอยู่ตรงสี่แยก ใกล้ลีการ์เด้นท์ (แต่ที่นี่มีหลายบริษัทนะ ลองสอบถามราคาดูได้ มีราคา 400-500 บาท แต่เวลาเดินทางจะพร้อมกันคือ 09.00  เป็นเที่ยวแรก จะมีเป็นรอบๆ น่ะครับ มีบริษัทรถใหม่ๆเยอะ) 
          
         
           รถทัวร์ไปกัวาลาลัมเปอร์จะมีทีนั่งไม่เยอะ  ฝั่งขวามี2ติดที่นั่ง ฝังซ้าย1 ที่นั่ง (ผมเดินทางคนเดียว เลยได้นั่งฝั่งซ้ายหลับสบายไปตลอดทาง ไม่ได้นั่งชิดใครให้เกรงใจ)  
      แต่ปัญหาสำคัญคือภายในรถไม่มีห้องน้ำ ดังนั้นต้องเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเลย  จะมีจอดแวะตรงด่านชายแดนกับจุดพักรถกลางทางอีกประมาณ 2 จุด เมื่อเข้าไปถึงฝั่งมาเลเซียแล้วเท่านั้น

อุปกรณ์ที่ให้  ผ้าห่ม และน้ำดื่ม 1 ขวด

       สำหรับการผ่านแดนไทยมาเลเซียนั้น ขอบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเพียงแต่นำกระเป๋าตั๋วเองไปด้วย พร้อมกับนำพาสปอร์ตไปยื่นไม่ต้องใช้วีซ่าครับ ตอนผมไปทั้งสองครั้งก็ผ่านด้วยดี ยิ้มสยามเข้าไว้  

         รถทัวร์จะวิ่งข้ามไปจอดที่อีกฝั่งหนึ่งของด่านครับ พอประท้บตราเสร็จเราเดินกลับขึ้นรถ  

       ดังนั้นตอนลงไปประทับตราข้ามแดน ให้สอดส่ายสายตาดูจุดที่รถวิ่งไปจอดนะ  จำรูปพรรณสัณฐาน ทะเบียนรถไว้ด้วยเพราะไม่ได้มีจุดจอดรถที่แน่นอน บางทีจอดใกล้ด่าน บางทีจอดไกลออกไปอีก หาอยู่ตั้งนาน...นึกว่าจะโดนทิ้งแล้วเสียอีก 5555


         แต่ก็น่าแปลกใจคือ จำนวนผู้โดยสารที่มาด้วยกันบนรถทัวร์หายไปกว่าครึ่ง งง!! เหมือนกันว่าทำไมหายไป เห็นบางคนนั่งมอไซค์รับจ้างเมื่อถึงด่านไปไหนต่อไม่รู้  บ้างก็ไม่เห็นกลับขึ้นมาที่รถ

          ช่างเถอะ ว่าแล้วรถก็วิ่งออกมาอีกนิด เจอด่าน ต.ม.ของมาเลเซียอีก ซึ่งบอกตรงๆผมว่าด่านของมาเลเซียเขาตรวจจริงจังกว่าบ้านเรา ดูเขาใส่ใจเช็คละเอียด ขอให้ระมัดระวังการฝากกระเป๋าหิ้วเข้าประเทศนะ  อย่ารับฝากถือกระเป๋าของคนอื่นโดยเด็ดขาด ภายในอาจมียาเสพติดหรือสิ่งของต้องห้าม 

       พอผ่านทั้งสองด่านแล้ว รถจะวิ่งยาววววเลย มีแวะพักอีกจุดหนึ่งเมื่อข้ามมาในฝั่งมาเลเซียแล้ว มีที่ทานอาหารและจุดรับแลกเงิน เหมือนเป็นจุดพักรถใหญ่ เพราะมีรถบัสหลายบริษัทมาจอดพักที่นี่เช่นกัน  รถจะจอดจุดนี้ประมาณ 30 นาที คนขับจะมานั่งทานข้าว  (ผมมองตามหาคนขับรถตลอดไม่ให้คลาดสายตา กลัวแกหนีผมน่ะครับ)  จากนั้นแล้วก็ขับยาว จนอีกหลายชั่วโมง ถึงแวะพักจอดรถอีกแค่ครั้งเดียวเป็นจุดพักรถใหญ่ มีห้องน้ำ กลางทาง ห้องน้ำที่นี่สะอาดครับ  แต่เขาจะมีแบบนั่งยองและนั่งชักโครกเลือกใช้บริการตามความถนัดได้เลย

              ที่มาเลเซียป้ายบอกทางตามถนนจะใหญ่มากกกกกก ใครขับรถมาคงไม่น่าจะหลง  ขนาดป้ายใหญ่กว่าบ้านเราสักสองเท่า ถนนหนทางดี สองฝั่งทางเห็นวิวต้นไม้สูงใหญ่ ร่มรื่น อากาศดี แต่สังเกตว่าป้าย Cut-Out โฆษณาที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวตั้ง ไม่ค่อยมีแนวนอน 

       พอเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์สังเกตว่าจะเป็นตึกหนาแน่น ตึกสูงๆนั่นแหละ เริ่มมีรถติดนั่นแหละครับ ที่กัวลาลัมเปอร์มีปัญหารถติดบ้างเหมือน กทม.บ้านเรา  ถ้าเป็นช่วงเย็นหรือฝนตกอาจจะเจอรถติดไม่ขยับนานๆ เป็นชั่วโมงได้เช่นกัน  สถานขนส่ง Puduraya  (คือจะบอกว่าที่นี่มีชื่อเรียกหลายชื่อมาก Puduraya, Pudu Sentral, KL Sentral)ตอนแรก งง... ตอนหลังถึงได้รู้ว่าก็คือที่เดียวกันนั่่นแหละ แต่เรียกกันหลายชื่อไปเอง
                  
        รถบัสวิ่งเข้ามาจอด เป็นอาคารสามชั้น สะอาดดี แต่ไม่ใหญ่มาก เป็นศูนย์รวมที่ขายตั๋ววิ่งไปเมืองอื่นๆในมาเลเซียด้วย  ด้านหลังเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า

               ครั้งแรกที่ผมมา รถวิ่งมาจอดที่ชานชาลาซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของอาคาร  แต่ครั้งที่สองรถจอดริมถนนด้านนอกอาคาร



         งานนี้มีเพื่อนมาเลเซียมารอรับ แต่ๆๆ ไม่ใช่ว่าจะได้พักกับเพื่อนนะ  เนื่องจาก 1-2 วันนี้เขามีงานยุ่งมากกลับดึกเลยไม่สะดวก งานนี้เพื่อนขับรถพามาช่วยหาโฮสเทล ผมได้โฮสเทล ใกล้กับ Bukit Bintang ราคาคืนละ 300 บาท(เพื่อนมาเลย์เชื้อสายจีน ช่วยเจรจาต่อรองให้กับอาเฮียคนจีน เฮียพูดอังกฤษได้ดีด้วย  ต่อมาเฮียเล่าให้ฟังว่าเคยได้เมียอยู่พัทยาแต่เลิกกันแล้ว พูดเสร็จแววตาเศร้านิดๆ ....เสียใจด้วยนะครับเฮีย ที่โดนผู้หญิงไทยหักอก )  

         ผมได้เป็นโฮสเทล เตียงรวม แต่ที่นี่ห้องไม่ใหญ่ครับ มีเตียงรวมกันอยู่ 10 เตียง ห้องน้ำไม่ใหญ่มากแต่มีเครื่องทำน้ำอุ่น สะอาดใช้ได้ แต่ว่าแอร์เย็นที่ห้องนอนหนาวแบบช่อง Freeze มาก เฮียแกเอาหมอนและผ้าห่มมาให้ ผ้าห่มเนื้อนิ่มดีแต่บางมาก.....ดีนะ BearIndyz เอากางเกงนอนขายาวมาเผื่อด้วย 


         พออาบน้ำแต่งตัวหลังจากดองเค็มมาเกือบสองวัน (ระหว่างทางได้แต่แปรงฟัน ล้างหน้า)  เลยเดินเล่นออกมาหาของทาน ย่านที่ผมอยู่มีโรงแรมหรูๆอยู่มากพอสมควร เห็นฝรั่งผมสีทองเดินกันเยอะทีเดียว  มาเจอร้านขายอาหาร ผมสั่งได้เป็นแกงเผ็ดปลา ข้าวเปล่า(แต่ข้าวแข็งๆหน่อย ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ) อิ่มเต็มที่  พลังกลับมาเต็มที่ เลยเดินสำรวจพื้นที่ รู้สึกว่าที่พักจะไม่ไกลจากห้างดังแถวนั้นเท่าไหร่ 

        
          เดินเล่นสำรวจพื้นที่ใกล้เสร็จแล้ว เลยรอเพื่อนมาเลย์มารับพาไปเที่ยวตอนสามทุ่ม  ผมเลยชวนเพื่อนออกเดินไปกัน พบว่าที่นี่ มีทางเดินลอยฟ้า Skywalk กว้างมาก และมีแอร์เย็นๆ เดินสบายประมาณ 15 นาทีมาถึงห้างดังที่นี่  ผมยังสภาพปกติแต่คุณเพื่อนมาเลย์เริ่มหอบแฮ่กๆ 
          (คุณเพื่อนสารภาพว่า ปติไม่เคยเดินไกลขนาดนี้มาก่อน เคยแต่ขับรถมา  ซวยแล้วสิ พาเพื่อนมาทรมานแท้ๆ)
     




                  




               พอได้ถ่ายรูปนิดหน่อยเพราะร้านค้าและห้างเริ่มทยอยปิดแล้ว  ผู้คนเริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านเอาไว้ค่อยมาเที่ยวใหม่วันหลังแล้วกัน 


ไม่มีความคิดเห็น: