วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

รีวิว Peach Airline บริการดี แต่ Terminal เล็กไปหน่อย

          สายการบินราคาแสนถูก ที่เป็นขวัญใจไปโอกินาวาคือ Peach Airline  อาจจะเป็นสายการบินชื่อใหม่ ยังไม่คุ้นนัก แต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการบินไปโอกินาวาในราคาแสนประหยัด  ตอนนี้มีโปรกระหน่ำ เที่ยวละประมาณ 1,480 บาทเอง  ส่วนผมได้ราคาไปกลับ+ค่าเลือกที่นั่ง +ค่าตัดบัตร จบที่ 4,900 บาท

สำหรับเว็บไซด์ของ Peach Airline https://www.flypeach.com/pc/th  (สำหรับภาษาไทย)
การจองก็กดตามปกติครับ แต่ว่าเรื่องกระเป๋าถือขึ้นเครื่องนั้น จะได้ 2 ใบ รวมกันไม่เกิน 10 กก. (อย่าลืมอ่านขนาดกระเป๋านะครับ เพราะเคยอ่านรีวิวเจอว่า มีคนใช้กระเป๋าใบใหญ่เกินข้อกำหนด เขาไม่ให้ขึ้นเครื่อง ค่อนข้างเข้มงวด และในขากลับจากโอกินาวา พนักงานให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าทุกคน ย้ำๆๆ โดนชั่งน้ำหนักกระเป๋าทุกคนก่อนเดินเข้าไปรอด้านในครับ)
ตามภาพประกอบครับ



 สำหรับการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ 
เป็นแถว M ทางเข้าหมายเลข 6 เคาน์เตอร์เปิดก่อนเวลาบิน 3 ชั่วโมง ที่สุวรรณภูมิเช็คอินกับทางเคาน์เตอร์ได้เลยครับ ได้เป็น Boarding pass ใบแข็งมา พนักงานบริการดี ยิ้มแย้ม ทำงานรวดเร็วดี







      การบริการภายในเครื่องบิน ผมค่อนข้างประทับใจเพราะว่ายูนิฟอร์มสวย แอร์กับสจ๊วตทำงานดี ดูเป็นมืออาชีพ คล่องแคล่วมาก แต่ติดที่ว่าไฟล์ทที่ผมบิน หัวหน้าลูกเรือเป็นสจ๊วต เขาประกาศภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงญี่ปุ่นที่ฟังยากมาก ฟังแล้วงงแท้ ฟังยากครับ แต่บางช่วงเขาก็เปิดเทปประกาศเป็นภาษาไทยครับ 
ส่วนการบริการผมว่าดีกว่าแอร์เอเชียเสียด้วยซ้ำ ดูสุภาพ นิ่มนวล ใบหน้ายิ้มแย้มและทำงานรวดเร็ว โดยส่วนตัวผมชอบยูนิฟอร์มมาก ดูเป็นทางการแม้ว่าจะเป็น Low cost Airline

หลังจากบินยาว 4 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินนาฮา ซึ่ง Peach Airline จะไปจอดที่ LCC Terminal เป็นโกดังคาร์โก้สินค้ามาดัดแปลงสำหรับ Low Cost ครับ ใช้ร่วมกันระหว่าง Peach Airline และ Vanilla Airline ซึ่งเป็นโกดังจริงๆครับ ชั้นเดียว แล้วนำมากั้นห้อง ทำทางเดินง่ายๆครับ

หลังจากผ่าน ต.ม.แล้ว เราต้องรอรถรับส่งฟรีของสนามบิน รับจาก LCC Terminal ไปที่อาคารหลัก โดยจะวิ่งทุก 10 นาที  รถบริการฟรีจะจอดที่ทางเข้าหน้าตึก ให้เดินเข้าด้านในตึกแล้วขึ้นไปชั้น 2 จะมีสะพานเชื่อมไปยังสถานีรถไฟฟ้าโมโนเรลครับ



สำหรับในส่วนตอนบินจากโอกินาวากลับไทย
เรานั่งรถไฟฟ้าโมโนเรลมาลงที่สนามบินแล้วก็เดินลงไปรอรถบริการฟรี แต่แนะนำว่าให้กินข้าว ซื้อของฝากจากที่อาคารหลักให้ดีก่อนนะครับ เพราะว่าที่ LCC terminal แทบไม่มีอะไรขายเลยครับ มีร้านขายของที่ระลึกร้านเดียว และร้านกาแฟเล็ก ไม่มีอาหารขายครับ ดังนั้น ควรซื้อหรือทานอะไรมาให้เรียบร้อยก่อน

ที่ LCC Terminal เขาจะมีตราชั่งน้ำหนักและแผงเหล็กสำหรับเช็คขนาดกระเป๋าไว้ให้ลองดูกันก่อนนะครับ

การเช็คอิน ที่นี่จะแตกต่างจากสุวรรณภูมิ ที่นี่จะมีตู้ให้กดดำเนินการเอง โดยจะต้องสแกนบาร์โค้ด แล้วสแกนพาสปอร์ต  แล้วเครื่องจะปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาสใบยาวเหยียดมาให้  (ถ้าคนที่ต้องโหลดกระเป๋าใต้เครื่องจะต้องไปต่อคิวเพื่อโหลดกระเป๋า)

จากนั้น ก็เดินไปที่สแกนกระเป๋าเดิน ซึ่งก่อนจะเข้าไป จะมีเจ้าหน้าที่ Peach Airline เอาเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลมาตั้งไว้ด้านหน้าก่อน แล้วให้ชั่งทีละคน มีคนไม่ผ่านหลายคนเลยครับ

พอหลังจากสแกนกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ต้องไปรอที่เกท ซึ่งที่นั่งน้อยมากครับ หลายคนต้องนั่งกับพื้น และในเกทมีร้านขายขนมที่ระลึกเล็กๆ 1 ร้าน และตู้กดน้ำ 3 ตู้เท่านั้น

จากนั้นเราก็ต้องไปเดินขึ้นเครื่องเองครับ ไฟล์ทขากลับของผมเป็นช่วงที่ลมแรงมากครับ เดินไปเจอลมมาปะทะแรงมาก 

โดยรวมเป็นสายการบินโลว์คอสที่ราคาดี บริการดี แต่อาจจะลำบากในส่วนของ LCC Terminal เท่านั้น ที่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ และสายการบินนี้เคร่งครัดในกฏระเบียบครับ