มาถึงบาหลีแล้วก็ไม่ควรพลาด Bali Museum เป็นมิวเซียมอีกแห่งที่สวยงาม ไม่ได้เป็นมิวเซียมอาคารแข็งๆครับ ที่นี่เป็นอีกแห่งที่อยู่ย่านตัวเมือง ข้างๆก็มีวันฮินดูครับ ด้านหน้าเป็นสนามหญ้าสวนสาธารณะบรรยากาศร่มรื่นดีครับ
แต่ควรระวัง เวลาซื้อบัตรเสร็จแล้วจะมีคนมาเดินตามแนะนำโน่นนี่ พวกเขาจะเป็นไกด์เถื่อนครับ จะขอค่าไกด์แนะนำครับ ถ้าเจอคนเดินตามแนะนำโน่นนี่ลองสอบถามเขาก่อนนะครับ ถ้าเราไม่ต้องการก็ปฏิเสธเขาแบบสุภาพครับ
ภายในเป็นอาคารโบราณ 4 อาคาร โดยมีกำแพงล้อมรอบพื้นที่ และมีทางเดินเชื่อมแต่ละอาคาร ด้านหน้าของแต่ละอาคารเป็นสนามหญ้า มีส่วนจัดแสดง 1อาคาร และสามารถเดินต่อไปยังตึกข้างๆ ต่อกันได้ น่าจะเป็นอาคารโบราณแล้วเขามาดัดแปลงทำเป็นพิพิธภัณฑ์ครับ มีโซนจัดแสดง งานแกะสลักหิน ,วัฒนธรรมต่างๆ
นอกจากจะได้เห็นวัฒนธรรมบาหลีแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปที่สวยงามมากมายเลยครับ แนะนำว่าควรไปชมกันครับ
Wonder Food มิวเซียมถ่ายรูปแสนเก๋ ในคอนเซ็ปต์อาหาร ไม่ซ้ำใคร
เพื่อนๆหลายคนคงเคยไปเที่ยวมิวเซียม หรือสตูดิโอที่ให้ไปถ่ายภาพกันได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นภาพปราสาท หุบเหว หน้าผา ทะเล ปลาฉลาม สิงห์โต หรืออะไรก็สุดแท้กันไป
แต่ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซียนี้ ถ้าเพื่อนมีโอกาสแวะมาเที่ยว แนะนำแวะมาที่นี่เลยครับ
Wonder Food เก๋ไก๋ ไม่เหมือนใครกับคอนเซ็ปต์ อาหารรรรรรร
ชวนหิว ชวนว้าว
กับบรรดาโมเดลอาหารสารพัดแบบ และมากันในแบบไซส์ยักษ์ใหญ่มโหฬาร
ให้คุณได้แชะๆ แล้วแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ตื่นตะลึง
ไม่ซ้ำแบบกับภาพปลาฉลาม สิงห์โต หน้าผาเหมือนที่อืนๆ
*โซนอาหารยักษ์
*โซนขนมหวาน
*โซนแปลงกายเป็นเชฟกะทะเหล็ก
*โซนแปลงกายเป็นหนุ่มชาชัก
ที่ตั้ง ห่างจาก tourim center นิดเดียว ย่าน george town ปีนัง
ค่าเข้าชม 25 rm หรือประมาณ 200 บาท
ที่นี่บริการดีมาก เพราะว่าตามจุดต่างๆ จะมีพนักงานบริการช่วยถ่ายรูปให้เราได้ ดังนั้นไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ มาเป็นกลุ่มก็มีภาพได้ครบทุกคน
เมื่อพูดถึงบาหลี หลายคนคงมีภาพจำ เป็นวัดที่อยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่ยื่นออกไปทะเลสวยงาม
ที่แห่งนั้นคือ Tanah Lot
Bearindyz ได้มีการโอกาสไปเที่ยวเช่นกัน Tanah lot อยู่ริมทะเล โดยด้านหน้าทางเข้าจะมีลานจอดรถและมีร้านค้าขายของที่ระลึกเดินจากทางเข้าไปประมาณ 500 เมตร ประมาณ 10 นาที ก็จะเจอบันไดทางลงชายหาด ลงไปเรื่อยๆ
ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ สวยงามจริงๆครับ
Bearindyz ไปถึงประมาณ 11 โมงเช้า เป็นช่วงที่น้ำลงพอดีครับ แต่ก็ยังอยู่ในระดับข้อเท้า ทำให้สามารถเดินๆเหยียบไปบนก้อนหินได้เลย ลุยน้ำทะเลนิดหน่อย และโชคดีที่เตรียมรองเท้าแตะมาด้วย ทำให้รองเท้าผ้าใบไม่เละ ฝรั่งหลายคนถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าลุยน้ำทะเลไป
พอเดินไปถึงวัด จะมีนักบวชให้ เราสามารถบริจาคเงินตามศรัทธา ด้านในมีน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ให้เราดื่มได้ เหมือนน้ำมนต์น่ะครับ พอดื่มเสร็จแล้ว นักบวชก็จะมาเจิมหน้าผากและทัดดอกไม้ให้พรเราครับ
หวัดดีครับ
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นในการท่องเที่ยวเอง ไม่ผ่านบริษัททัวร์ อาจจะคิดไม่ออกว่าควรจะต้องเตรียมอะไรบ้าง
วันนี้ผมขอแนะนำ ไอเท็มอะไรบ้างที่คุณควรเตรียมไปสำหรับการท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์
1. หัวแปลงปลั๊กไฟ อันนี้ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะแต่ละประเทศจะมีหัวเสียบปลั๊กไฟไม่เหมือนกับบ้านเราดังนั้น ควรเตรียมสำหรับแปลงไฟไปครับ เป็นไอเท็มที่หลายคนลืมนึกถึง พอไปถึงโรงแรมที่เมืองนอกแล้ว ถึงได้รู้ว่าใช้ไม่ได้ ต้องไปหาซื้อที่เมืองนอก ซึ่งราคาแพงกว่าบ้านเราเยอะ
แหล่งหาซื้อ สามารถซื้อได้ที่ 7-11 ,หรือไม่ก็แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า Powerbuy, Power mall
2. ปลั๊กราง ไอเท็มหลายๆคนก็ไม่ค่อยนึกถึง แต่บางโรงแรม มีรูเสียบปลั๊กไฟมาให้แค่ 2 รู หรืออาจจะแค่ แต่ว่าในยุคปัจจุบัน คนเรา รูปด้วยซ้ำ(โดยมากมักเป็นประเภท Hostel) มักจะมีอุปกรณ์ไอทีพกติดตัวกันหลายไอเท็ม ขนไปทั้งโทรศัพท์มือถือ ,พาวเวอร์แบงค์,ไอแพด,แท็บเลต และห้องนึงอยู่กัน2 คน ซึ่งแน่นอนว่ารวมๆ กันแล้ว ต้องการใช้ประมาณ 3-4อุปกรณ์แน่นอน อาจเกิดปัญหาช่องไม่พอสำหรับการเสียบชาร์ตอุปกรณ์ต่างๆ ผม แนะนำเตรียมปลั๊กรางจากบ้านเราไปเลยครับ
แหล่งหาซื้อ ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่ 100-500 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อวัสดุ
3. พาวเวอร์แบงค์ เพราะสมัยนี้สมาร์ทโฟนกินไฟเร็วมาก โดยเฉพาะขาถ่ายรูปทั้งหมด จะพบว่าถ้าไปเที่ยวจริงๆมีการถ่ายรูปเยอะๆ แค่ไม่ถึงครึ่งวันมือถือของคุณก็แบตจะหมดลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นเราต้องมีตัวช่วย ให้ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอเก็บบรรยากาศความสนุกสนานได้ตลอดทั้งวัน
แหล่งหาซื้อ ร้านอุปกรณ์มือถือ, banana it ราคา 500-1,000 ++
ไม่แนะนำราคาถูกเกินไป อาจได้ที่ไม่มีคุณภาพ ควรเลือกที่ยี่ห้อน่าเชื่อถือ และไม่ควรเกิน 20,000 แอมป์
4.กระบอกน้ำพลาสติก เป็นไอเท็มที่คนไทยไม่ค่อยนิยมพกไป แต่คนจีน คนเกาหลี มาเลเซีย สิงค์โปร์ ญี่ปุ่นจะพกกระบอกน้ำติดตัวไปเสมอ สำหรับดื่มกลางทาง เพราะการเดินทางอาจไม่ผ่านร้านสะดวกซื้อ หรือน้ำดื่มที่ขายตามสถานที่เที่ยวก็จะมีราคาแพงมาก พกไว้สบายคอและสบายกระเป๋ากว่ากันครับ
แหล่งหาซื้อ ร้านขายอุปกรณ์พลาสติก,ร้านJust buy, Daiso
มีตั้งแต่20-300 บาท แล้วแต่คุณภาพพลาสติก,ดีไซน์,คุณสมบัติเก็บความร้อนความเย็น
5.สมุดโน้ต +ปากกา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรพกติดตัวไปในการท่องเที่ยวทุกครั้ง เผื่อกรณีมีจดเบอร์ติดต่อ,เขียนบอกทาง,วาดแผนที่ ,เขียนใบผ่านแดนต่างๆ
นักท่องเที่ยวหลายคนไม่ได้พกปากกาไป ต้องไปต่อคิวรอที่เคาน์เตอร์เขียนใบผ่านแดน หรือเขินอายไปขอยืมฝรั่ง ที่ด่า่นตรวจคนเข้าเมือง ..
6. ยาประจำตัว,ยาพื้นฐาน เผื่อไว้กรณีฉุกเฉิน ปวดหัวตัวร้อน ท้องเสีย เราสามารถพกยาไปได้ครับ แต่ว่าระวังยาแก้แพ้,แก้ไอ หรือยาที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทหรือยาต้องห้ามสำหรับเข้าบางประเทศ
ถ้าไม่มั่นใจว่ายาไหนที่พกเข้าไปได้ควรปรึกษาสถานทูตของประเทศนั้นๆก่อน
โดยปกติยาประเภทแก้ไข้หวัด,แก้ปวด จำพวกพาราเซตามอลทั่วไปไม่มีปัญหาครับ
เพราะถ้าเกิดคุณป่วยขึ้นมาในต่างประเทศ การสื่อสารกับร้านขายยา,คุณหมอที่เมืองนอกอาจจะยุ่งยากพอสมควร
ยาที่พกไปอย่าแกะออกจากฉลากยานะครับ ให้อยู่ในฉลากให้เรียบร้อย เผื่อว่าทางตม.ประเทศนั้นอ่านตรวจสอบส่วนผสมของผา จะได้ทราบว่าเป็นยาอะไร มีส่วนผสมต้องห้ามอะไรรึเป่าว
7. ถุงพลาสติกแบบมีซิปล็อก เป็นไอเท็มที่ผมชอบพกไป เพราะเอนกประสงค์หลากหลาย ทั้งเอาไว้ใส่เสื้อผ้าที่ใช้ได้ จะได้มีไปปะปนกับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่ ,ใส่ครีมอาบน้ำ ,ใส่แผนที่และแผ่นพับต่าง, ใส่พาสปอร์ต, ใส่โบชัวร์และแผนที่ท่องเที่ยว และอีกมากมายน่านับประการ ป้องกันน้ำ ป้องกันฝนได้ สบายใจ
แหล่งหาซื้อ 7-11 จะแขวนตรงที่ขายแก้วน้ำพลาสติก,ช้อนส้อมพลาสติก,ร้าน B2S, ร้านขายอุปกรณ์เบอเกอรี่,
นี่เป็นเพียงไอเท็มเบื้องต้นนะครับ บางคนอาจจะมีสิ่งของที่จำเป็นต้องขนไปอีกแล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มันครับ เพื่อในการท่องเที่ยวของเราได้ประสบการณ์ที่ประทับใจ
หวัดดีครับ บาหลี Bali เมืองแสนสวย เป็นอีกเมืองที่มีเสน่ห์ในประเทศอินโดนีเซีย ที่หลายท่านสนใจจะเดินทางไป
จากการไปตะลุยเที่ยวมาสี่วัน Bearindyzได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากท่านที่กำลังสนใจจะไปครับ
1. อากาศ อากาศที่บาหลีร้อนมาก แดดแผดเผา และฝนตกบ่อย
แดดออกตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า และบางวันจู่ๆ ตอนบ่ายฝนตก
2. การซื้อของ แนะนำให้ซื้อในห้าง หรือร้านค้าที่มีป้ายราคาชัดเจน ซื้อกับแม่ค้าทั่วๆ ไป อาจเจอปัญหาได้ครับ เพราะชอบเปิดราคาโอเว่อร์มากเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่อรอง หรือเจอกลเม็ดการโกงได้
3.ปลั๊กไฟ อย่าลืมเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟไปด้วยนะครับ เพราะว่า ที่นี่จะเป็นแบบสองแกน และเป็นช่องวงกลมลงไป บางโรงแรมอาจจะมีรูปลั๊กแบบสากล แต่บางโรงแรมอาจจะไม่มีก็ได้ ดังนั้นควรเตรียมไปเผื่อดีกว่าครับ
4. การเดินทาง แนะนำเรียก Uber ครับ เพราะค่อนข้างได้มาตราฐานหน่อย แท็กซี่บลูเบิร์ดได้ยินเพื่อนว่าเมื่อก่อนได้มาตราฐานแต่เดี๋ยวนี้ก็แอบขับมาอ้อมพาวนเหมือนกันครับ
ควรเผื่อเวลาเดินทางไปแต่ละสถานที่หน่อยนะครับ เพราะไกลกันมาก แถมในช่วงเช้าและตอนเย็น รถติดสะบัดมากครับ พอๆ กับบ้านเรา
ถ้าไปกับหลายๆคน จะช่วยประหยัดค่าเหมารถได้เยอะเลยครับ เป็นเมืองที่ ถ้าเดินทางแค่1-2 คนจะแพงมาก
5. ค่าใช้จ่าย บอกเลยว่าที่นี่ค่อนข้างแพง แพงกว่าที่ Bearindyz คาดการณ์ไว้ และพยายามอย่าไปตามร้านอาหารที่รถเช่าแนะนำเพราะส่วนใหญ่คนขับมักจะแนะนำไปร้านที่เขาได้ค่าหัว
6. อาหาร ที่นี่เป็นเมืองที่มีทั้งคนฮินดู และมุสลิม ร้านอาหารจะมีการแบ่งไว้ อาหารประจำเขามีหมูย่าง หมูสะเต๊ะด้วยครับ
สำหรับท่านที่เป็นมุสลิมก่อนเข้าไปร้านอาหารลองดูดีๆก่อนนะครับ
โดยความเห็นส่วนตัว อาหารไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เท่าที่ลองไปกินก็ธรรมดาครับ
7. ของที่ระลึก ของที่ระลึกก็จะคล้ายกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ พวงกุญแจ,แม่เหล็กติดตู้เย็น,เสื้อยืด ,ผ้าโสร่ง (แต่ที่นี่ผ้าโสร่งขายเยอะจริงๆครับ เป็นจุดเด่นของเขา)
บรรดารถเช่ามักจะแนะนำให้ไปซื้อของฝาก,ของที่ระลึกที่ ตลาด Ubud ประมาณเป็นสถานที่ที่ต้องแวะเที่ยว แต่ที่จริงแล้วตลาดนี้ขายของราคาค่อนข้างแพง ส่วนใหญ่ไม่มีป้ายราคาบอก แม่ค้าจะตะโกนเรียกเชิญชวน ตั้งราคาตามอารมณ์ เสื้อยืดที่ระลึกบาหลีแม่ค้าที่ตลาด Ubud เปิดมาเกือบตัวละ 300 บาท แต่พอเดินไปที่ท่องเที่ยวอื่น ไปเจอขายตัวละ 150 บาทเอง ต่างกันเกือบครึ่งครับ
8. รองเท้าแตะ เตรียมไปเผื่อสำหรับบางสถานที่ เพราะมีหาดทรายสวย,เกาะ,ให้เดินเที่ยวกัน จะได้เดินแบบสบายๆ ชิวๆ
9. หมวกแก๊ป ขอย้ำอีกครั้้งเลยว่าที่นี่ร้อนมาก จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยกำบังแดดครับ ไม่งั้นร้อนสุกแน่นอนครับ
10. การเช่ามอเตอร์ไซค์ขับที่บาหลี ไม่แนะนำสำหรับคนที่ขับขี่ไม่เก่ง หรือไม่ชำนาญ เพราะว่าถนนเป็นทางโค้งขึ้นลงตามแนวภูเขา คดเคี้ยวอย่างมาก รวมถึงถนนในย่านตัวเมืองก็แคบมาก (ย้ำว่าแคบมากจริงๆ) จะต้องขับลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ยิ่งโดยในเฉพาะช่วงตอนเย็น
ตอนเดินทางไปเห็นฝรั่งขับมอเตอร์ไซค์จะชนหลายครั้ง เพราะไม่ชำนาญพอ
