วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รีวิว B&S Eco cube Shinsaibashi โอซาก้า เล็กกำลังดี

มาแล้วครับ สำหรับท่านที่รอคอยการรีวิว ฺB&S Eco Cube Shinshaibashi โรงแรมแคปซูล ราคาพิเศษที่อยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า



ทำเลดีมาก อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานี Shinsaibashi ทางออกหมายเลข 7 มากครับ เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงเลย
งั้นมาเล่าเรื่องทีละอย่างก่อนแล้วกันนะครับ

การเดินทาง มาลงสถานี Shinsaibashi  Exit 7
1.ให้ออกมาจากสถานีหมายเลข7 ทางออกนี้จะไม่มีบันไดเลื่อน เป็นขั้นบันได้ธรรมดา เดินขึ้นมาด้านบนประมาณสามชั้น ดังนั้นใครที่ใช้กระเป๋าล้อลากใบใหญ่จะค่อนข้างลำบากพอควรครับ
เดินขึ้นมาแล้วให้หันไปด้านขวาครับ เดินมาถามถนนหลัก จะผ่าน PUMA ที่เป็นช๊อปสีแดง มีเสือสองตัวเฝ้าอยู่หน้าช้อปเด่นเป็นสง่ามาก
2เดินต่อมาอีกนิดจะผ่าน Apple Shop 
ให้เลี้ยวขวาเข้ามาในซอยหัวมุม Apple Shop ครับ
3.จากนั้น เดินเข้ามาประมาณ 50 เมตรจะผ่าน Mcdonal ให้มองไปด้านซ้ายที่ฝั่งตรงข้ามถนนจะมีซอยเล็กๆ (ย้ำว่าเล็กๆ ไม่ใช่สี่แยกใหญ่) ให้เดินข้ามมาในซอยจะผ่านศาลเจ้า 
4.จะเจอสี่แยกอีก ให้เดินตรงต่อมาเลย (ผมมักจะหลงทิศตรงนี้ทุกทีเลยครับ) แล้วจะเจอโรงแรมครับ

วิธีเข้าพัก
1.ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน  เราก็แสดงพาสปอร์ต และใบจอง (แต่บางวันเขาก็หาชื่อเจอทันทีเลยครับ)
2. เราต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปนะครับ เขาจะให้กุญแจมาดอกหนึ่ง
สำหรับล็อคเกอร์เก็บรองเท้าของเรา ที่ชั้นล่างนั้นเลย  แล้วใช้กุญแจดอกเดียวกันนั้นสำหรับล็อคเกอร์ที่ชั้นของเรา (ชั้น2 ผู้หญิง,ชั้น 3-5 ผู้ชาย)
3. สำหรับคนที่ใช้กระเป๋าล้อลากใหญ่ ไซส์เกินขนาดกลาง ขอบอกว่า ไม่สามารถใส่ในล็อคเกอร์ชั้นบนได้แน่นอนครับ  ต้องยกไว้ในช่องแคปซูลเอง หรือไม่ก็ต้องฝากไว้
แนะนำให้หยิบเสื้อผ้าออกมาเฉพาะที่ต้องใช้ แล้วล็อคกระเป๋าไว้ เขาจะจัดโซนไว้ให้ฝากกระเป๋า ตอนผมไป คนฝากไว้ใช้ล่างเยอะมากครับ เป็นสิบใบ แต่พอดีของผมเป็นกระเป๋าล้อลากใบเล็ก เลยยกไปไว้ในช่องแคปซูลของตัวเองทุกวัน
4. กดลิฟทืไปที่ชั้นของตัวเอง พอถึงจะชั้นเดินออกมาจะพบกับเบอร์ล็อคเกอร์  ซึ่งใช้กุญแจที่เขาให้มาไขได้ ภายในล็อคเกอร์จะมี ผ้าขนหนูผืนใหญ่ ผืนเล็ก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เสื้อคลุมอาบน้ำให้
(ครีมอาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม จะมีอยู่ในห้องน้ำให้แล้วครับ)
ในแต่ละชั้น จะมีห้องอาบน้ำ 4 ห้อง ขนาดพอดีตัวเลยครับ คนที่ตัวอ้วนๆ หรือฝรั่งน่าจะอึดอัดทีเดียว
มีห้องสุขาแยกออกมา มีอ่างล้างหน้า ด้านข้างมีไดร์เป่าผมเสียบไว้ให้ครับ




ช่องแคปซูล
ขอบอกเลยว่า ความสูงประมาณนั่งได้ครับ แต่ไม่สูงมากนัก ความลึก น่าจะประมาณ 170 ซ.ม. เพราะว่าเวลาผมนอน ปลายขาเกือบถึงปากแคปซูลเลยครับ แคปซูลจะมีม่านรูดลงมาปิด แล้วมีขาเกี่ยวคล้องไว้เฉยๆนะครับ  ไม่ได้เป็นประตูล็อค
ภายในมีอุปกรณ์ครบครัน  วิทยุ,นาฬิกาปลุก,ทีวีขนาดประมาณ 12 นิ้ว,ช่องแอร์ (ซึ่งบิดปรับระดับแรงลมออกได้ คล้ายๆในรถทัวร์บ้านเราครับ) ,ไฟ (สามารถปรับความสว่างมืดได้) รูสำหรับชาร์ตไฟ มี1 อัน 
บางชั้น มีฝาพับดึงลงมาเป็นโต๊ะเขียนหนังสือได้
(แนะนำว่าใครใช้ power bank เตรียมสายต่อมาเผื่อไว้เลยครับ)
มีคืนหนึ่งผมเห็นฝรั่งที่สูงมาก นอนปิดม่านปลายเท้าไม่ได้ ขาโผล่ออกมาครับ
ความสะอาด โอเครมากครับ มีหมอน ผ้าห่มไว้ในแคปซูลครบครัน
แต่ว่าแคปซูลไม่เก็บเสียงนะครับ ใครกรน ใครรูปซิปกระเป๋า ได้ยินหมดครับ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันในแคปซูลเงียบๆ  ไม่มีคนโวยวายอะไร




ข้อดี
1. ราคาไม่แพง ประมาณ 800-1200 บาทต่อคืน แล้วแต่โปรโมชั่น หรือเทศกาล
2. ใจกลางเมืองมาก มีร้านค้าต่างๆมากมายรอบๆ กลางดึกหิวๆก็เดินออกมานิดเดียวก็มี Family mart
3. อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Shinsaibashi ext 7
4. สะอาดมาก ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ สะอาดมากครับ
5. มีของใช้ให้พอสมควร ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมนวดผม ไดร์เป่าผม ผ้าขนหนูผืนใหญ่ ผืนเล็ก
เสื้อคลุมอาบน้ำ บางคืนผมก็เอาไปใส่นอนเลยครับ

ข้อเสีย
1. ใครกระเป๋าใหญ่ต้องเก็บไว้ชั้นล่างด้านข้างเคาน์เตอร์เช็คอิน ดังนั้นต้องเตรียมกุญแจมาดีๆ
2.  เช็คอิน ได้หลัง 17.00  เช็คเอ้าท์ก่อน 10.00 น.  ดังนั้นในระหว่างที่ผมพัก 4 คืน ผมต้องฝากกระเป๋าไว้ในล็อคเกอร์หยอดเหรียญชั้นล่าง แต่ก็ราคาถูกนะครับ 200  yen เอาใส่ล้อลากใบเล็กแล้วยังเหลือพื้นที่อยู่ครับ
3.  สำหรับคนที่ไม่ชินการนอนเตียงเล็ก มาก่อน อาจจะรู้สึกอึดอัดได้ครับ เพราะกว้างกว่าไหล่ผิวนิดเดียวเองครับ
4. ถึงแม้ว่าจะจองไว้หลายคืน แต่ว่าทุกวันที่มาเช็คอิน ช่องแคปซูลจะเปลี่ยนไปนะครับ ไม่สามารถล็อคช่องเดิมได้

แต่เนื่องจากปกติผมเป็นคนเคยนอนเตียงสองชั้นบ่อยๆ ดังนั้นเลยหลับได้สบายมาก ไม่มีปัญหา ถือว่าค่อนข้างติดใจครับ 
หวังว่าจะเป็นข้อมูลให้เพื่อนสำหรับการตัดสินใจเลือกที่พักได้นะครับ


 

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปากเซ อีกครั้ง ในวันฝนฟรำ... Pakse again

     หลังจากเมืองไทยร้อน ฝนไม่ตกมานาน  นึกครึ้มถึงน้ำตกที่ปากเซ ที่เคยไปเที่ยว 3 ปีก่อน   Bearindyz เลยขอแอบซ่าไปเยือนเมืองปากเซอีกรอบ 

     แต่ในทริปนี้ตั้งใจว่าจะไปแบบเรียบๆ ไม่ไปเที่ยวมากมาย เน้นไป Slow life ปล่อยใจปล่อยตัว ชมนกชมไม้เสียมากกว่า
      เริ่มการเดินทางกันเลยกับสายการบิน Thai lion air ในราคา 1,200 บาท ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง เพื่อนที่ไม่มีสัมภาระโหลด มีแค่กระเป๋าติดตัวสามารถเข้าเว็บเช็คอินได้เลยนะครับ แต่น่าเสียดายที่เว็บเช็คอินของ Thai lionair รับล่วงหน้าแค่ 1 วัน ซึ่งทำให้ขากลับไม่สามารถเช็คอินล่วงหน้าได้

         ตอนนี้สนามบินดอนเมืองมีผู้คนเยอะมาก โดยเฉพาะเวลารถทัวร์มาลง นักท่องเที่ยวมหาศาลจริงๆครับ ป้ายประกาศต่างๆ มีภาษาจีนเยอะขึ้น ดังนั้นควรเผื่อเวลาไปเยอะหน่อยนะครับ

          ใช้เวลาบินประมาณ 50 นาทีเท่านั้น ก็มาถึง จังหวัดอุบลราชธานี ที่นี่สนามบินยังปรับปรุงหลังจากไฟไหม้ไม่เสร็จ ทางเจ้าหน้าที่ก็คอยมาดูแล กั้นเชือกโซนที่ยังซ่อมแซมไม่เสร็จ  เดินออกมาด้านข้างตึกจะมีเคาน์เตอร์แท็กซี่บริการ คิดราคา 170 บาท แต่ผมแนะนำแท็กซี่ที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคาร คิดราคาตามมิเตอร์
 ผมนั่งจากสนามบินไป บขส. ประมาณ 70 บาทครับ  ใช้เวลาประมาณ 15 นาที



        เมื่อมาถึง ที่ บขส.อุบลจะมีช่องขายตั๋วไปปากเซ ราคา 200 บาท เวลาซื้อจะต้องยื่นพาสปอร์ตให้พี่คนขายด้วย มีสองรอบ รอบ 09.00 กับ 15.30 น. สองเที่ยวต่อวันเท่านั้น ดังนั้นคำนวณเวลาดีๆ นะครับ 

         พี่คนขับเป็นลาว พวงมาลัยอยู่ด้านซ้าย คนที่ผมนั่งไม่เต็มคนประมาณ 70% มีคนไทยแค่ 4 ที่เหลือคนลาวหมดเลยครับ  ตื่นเต้นเล็กน้อย   บรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้  ไร่สวน เห็นควายกินหญ้าบรรยากาศดีงามมาก นึกถึงเมืองไทยสมัยก่อนเลยครับ ตอนนี้บรรยากาศวิวแบบชนบทจริงๆ เริ่มหายากมากแล้ว

         Bearindyz ชวนคนลาวๆคุยถามโน่นนี่ ได้เลยเพื่อนคุยเป็นแม่ค้าลาวที่มาซื้อเสื้อผ้าจากฝั่งไทยไปขายที่โน่น  ทำให้ได้รู้ว่าคนลาวนิยมดารานักร้องไทยมาก ละครช่อง 7 เป็นที่นิยมมาก

         พอรถมาถึงด่านไทย รถทัวร์จะจอดแล้วให้ผู้โดยสารลงไปที่ด่าน  เพื่อนๆจะไม่เห็นใบผ่านแดน ให้รีบไปขอที่เคาน์เตอร์แล้วค่อยมาเขียนกลับไปต่อคิวใหม่นะครับ (รู้สึกว่าจะเป็นทุกด่านเลยนะครับ สงสัยว่าถ้าวางไว้แล้วจะโดนขโมยหมด) 

          จากนั้นพอเดินออกมาจะเห็นทางลอดอุโมงค์ เดินตามๆ คนอื่นไปครับ  จะโผล่มาฝั่งลาว แล้วจะเห็นอาคารด่านลาวอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตรครับ เดินไปทางนั้น สำหรับผู้โดยสารขาเข้าลาวให้เดินอ้อมไปด้านหลังอาคารนะครับ ด้านหน้าจะเป็นสำหรับยื่นตอนกลับมาฝั่งไทยครับ  พร้อมกับค่าผ่านแดนน100 บาท (แพงจัง)

           พอเสร็จแล้ว ให้ออกกลับมาด้านหน้า รถทัวร์จะจอดรอรับอยู่ด้านหน้าอาคารด่านฝั่งลาวนะครับ  ไม่ต้องกลัวหลง พยายามสังเกตผู้โดยสารคนอื่น เด็กรถไว้นะครับ จะได้ไม่หลง แต่ว่าผมก็เห็นเขานับจำนวนผู้โดยสารไว้ครับ เขาจะจอดรถจนกว่าผู้โดยสารทำเรื่องผ่านแดนจนครบน่ะครับ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีครับ
           ด้านข้างจะมีธนาคาลาวสามารถแลกเงินได้นะครับ แต่ว่าเขาปิดเร็วเหมือนกันดังนั้นต้องเป็นคนที่เดินทางมากับรถทัวร์รอบ 09.00 น.ครับ
           ฟ้าเริ่มมืด ไฟทางสว่างเป็นสีส้ม จนรถทัวร์แล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำโขง  ก็เตรียมตัวลงได้เลยครับ 

           รถทัวร์มาจากส่งผู้โดยสารลงที่หน้าโรงแรมจำปาสักแกรนด์ ซึ่งที่จริงแล้วต้องจอดที่หลักสาม  แต่ก็ถือว่าไม่ไกลจากที่พักผมมาก แค่ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที แฮ่ก แฮ่ก
            ผมพักที่โฮสเทล แถววัดหลวง ถนน 13 เป็นแหล่งรวมโฮสเทลและโรงแรมครับ  มีร้านอาหารเวียดนาม ฝรั่ง ร้านกาแฟมากกว่าย่านอื่นๆในเมือง  สำหรับโรงแรมผมแนะนำโรงแรมแสงอรุณ แต่เสียดายที่ทางโรงแรมไม่รับจองทางเว็บ ต้องเดินมาจองเอง คืนละ 643 บาท  ย่านนี้เป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวอยู่เยอะที่สุดแล้ว ถนนหนทางอืนๆ เงียบมาก  ร้านอาหารมีน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย
             



เช้าวันฝนพรำ
             เริ่มต้นด้วยการกินขนมปังฝรั่งเศสแถวหน้าโรงแรม ขนาดใหญ่เบิ้มมาก ไส้หมูยอทะลักออกมา แล้วก็เริ่มต้นเดินๆ ไปวัดหลวง
วัดประจำเมืองปากเซ เข้าไปไหว้พระขอพร จากนั้นก็เดินมาศูนย์การค้า ที่รอบๆเป็นตลาดสดขายผักผลไม้ ภายในอาคารจะมีร้านขายของใช้ โทรศัพท์มือถือ ชั้น2 เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตที่สินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าของไทยล้วนๆ แทบไม่เห็นแบรนด์อื่นเลย ยกเว้นเบียร์ลาว น้ำดื่มหัวเสือ

             เมืองปากเซยังแทบไม่แตกต่างมากนักจากเมื่อสามปีก่อน มีตึกก่อสร้างขึ้นใหม่บ้าง แต่ก็น้อยมาก  ที่สังเกตชัดเจนคือ ตลาดดาวเรืองใหญ่โตขึ้นนะ ร้านค้าขายเพิ่มมากขึ้น  
             แต่คนยังน้อย นักท่องเที่ยวน้อยมากเพราะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว ฝนตกพรำตลอดวันจึงเหมาะแก่การเดินเรื่อยเปื่อย ชมเมือง ดูโน่นดูนี่ตามอารมณ์ ปล่อยใจไป   slow lifeบ้าง
              สำหรับการเดินทางไปชมน้ำตกตาดผาส้วมนั้น มีบริษัททัวร์ และร้านอาหารแถวนั้น 
             มีร้านหนึ่งผมแนะนำ อยู่เลยจากโรงแรมแสงอรุณไปหนึ่งสี่แยก  เวลาหันหน้าเข้าโรงแรมแสงอรุณให้เดินไปทางขวานะครับ 
จะเจอสี่แยกที่มีร้านอาหารอยู่ตรงหัวมุมครับ
             เขาจะขายเป็นราคากรุ๊ปโดยรถตู้ รวมกันหลายๆคน คิดราคา คนละ 620 บาท พาไป5 แห่ง ไปรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ  ถ้าจะไปวัดพู 500 บาทครับ  แต่เขาก็พูดเหมือนกันว่า ถ้าคนน้อยๆ บางวันก็อาจไม่ได้ไปครับดังนั้นต้องติดต่อสอบถามล่วงหน้าครับ

วัดหลวง









ตลาดดาวเรือง








  ผัก ผลไม้ อาหาร ขนมรวมกันอยู่ที่นี่ครับ ผู้คนคึกคัก ภายในอาคารของตลาดก็รวมข้าวของเครื่องใช้มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็พอๆกับตลาดบ้านเราครับ ปลาที่นี่ตัวโตขนาดเท่าขาเลยครับ

น้ำตกตาดผาส้วม

                  อยู่ห่างออกจากตัวเมืองไปไกลเกือบครึ่งชั่วโมงเลยครับ
ถนนไม่ค่อยดีนัก ที่นี่เก็บค่าเข้าชมคนละ 6,000 กีบ  ภายในนอกจากจะมีน้ำตกแล้ว ยังมีร้านอาหารที่ขายโดยคนพื้นเมืองชนเผ่า และหมู่บ้านที่ชาวบ้านนำผ้าพื้นเมืองมาขายด้วยครับ

















           
            
           

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวคลองบางหลวง ...ชมบ้านศิลปิน กิมไอติมฟินสุดๆ Klongbangluang

     Bearindyz ได้มีโอกาสไปเที่ยวคลองบางหลวงแบบไม่ตั้งใจ เคยได้ยินมาสักพักแล้ว วันนี้ไปกับเพื่อนสาว ขับมาทางวงเวียนใหญ่ ไปทางที่จะไปท่าพระ ผ่านสองสะพาน แล้วยูเทิร์นรถกลับ ทางเข้าจะเห็นป้ายวัดกำแพง (อยู่ตรงตีนสะพานพอดี ป้ายเล็กหน่อย ต้องสังเกตครับ)  แล้วเลี้ยวลัดเลาะเข้าไปในซอยวัดกำแพง ประมาณ 500 เมตร สามารถจอดรถได้ที่ลานวัดเลยครับ
      หรือใครจะมาทาง  BTS ก็ลงตรงสถานีบางหว้า แล้วต่อแท็กซี่อีกประมาณ 60 บาท
       บรรยากาศของวัดจะแตกต่างจากข้างนอกที่คราคร่ำไปด้วยรถ และความเจริญ  วัดติดคลองบางหลวง มีลมเย็นๆ พัดมา  มีซุ้มขายอาหารเครื่องดื่มตั้งอยู่ ราคาก็ไม่แพงครับ (น่าเสียดายที่ไปถึงบ่ายแก่ๆแล้ว ร้านค้าในวัดปิดเกือบหมดแล้ว)





       พอเข้าไปริมคลอง จะพบทางเดินเลาะไปตามคลองเลยครับ
จะเจอร้านกาแฟ น่ารักๆ ชื่อ Icecream-Lollipop  
      เป็นไอศครีมโฮมเมด เจ้าของร้านทำเองครับ เป็นไอศครีมแนวไทยอินดี้ เพราะใส่ขนมไข่หอมกรอบๆ กับไอศครีมรสชาไทย  และไอศครีมมะพร้าวที่โรยข้าวบนด้วยมะพร้าวคั่ว ฝอยทองและคอร์นเฟล็ก รสเลิศ พอๆกับความกิ๊บเก๋  พร้อมกับบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งด้วยของเก่าสุดเก๋ไก๋   ร้านนี้เขาเปิดถึงตอนเย็นๆ เหมาะมากกับการมานั่งชิว กินไอศครีมปล่อยใจไปกับสายน้ำ






       เดินต่อไปอีกนิดจะพบกับบ้านศิลปิน บ้านไม้ขนาดใหญ่ ที่เป็นคาเฟ่และแกลลอรี่ ให้คนมานั่งกินเมี่ยงคำ  ชมบรรยากาศริมคลอง พร้อมๆกับพี่ตัวแดง และตัวขาวที่ออกไปยังลำคลอง    และมีบ้านริมคลองเปิดร้านขายของน่ารัก ร้านนวดที่ขอบอกนวดดีมากกกกกและราคาแสนถูก    หรือจะให้อาหารปลา (ปลาตัวใหญ่มากครับ )











       ที่นี่มีการแสดงหุ่นกระบอกด้วยนะครับ แต่มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์  วันนี้ผมไปมีรายการทีวีมาถ่ายรายการด้วย    คนที่ชุมชนบอกว่าเมื่อก่อนคนเยอะกว่านี้ ช่วงนี้คนมาเที่ยวน้อยลงอยากให้มากันเยอะๆ ชุมชนจะได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

           แนะนำให้เพื่อนๆมาเที่ยวในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และเปิดช่วงสายๆ ถึงประมาณบ่ายสองครับ จากนั้นถ้าไม่มีลูกค้าเขาก็จะเริ่มทยอยเปิด 
        ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เหมาะแก่การไปนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือ รับลมเย็นจากลำคลอง 

     

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

Discovery center of taipei สัมผัสเมืองไทเป

        Discovery center of taipei  เป็นมิวเซียมอีกแห่งที่ไม่ค่อยมีคนไทยไปเยือนมากนัก  ทั้งๆที่อยู่ใกล้กับ Dr. Sun Yat Sen Memorial Hall อาจจะเป็นเพราะว่าที่ไทเป มีมิวเซียมใหญ่ๆ เด่นๆ อีกหลายที่ วันนี้ Bearindyz  เลยขอพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมกันครับ  

      Discovery Center of Taipei ทั้งอยู่ที่ชั้น 2-3 ของ City hall เดินออกจากสถานี City Hall ได้เลยครับ เดินมานิดเดียวก็ถึงแล้ว บริเวณชั้นล่างของ City hall เป็นลานกิจกรรม Bearindyz มาทั้งสองครั้ง ก็เจอมีการจัดงานทุกที









       เดินเข้าประตูใหญ่แล้วด้านขวาจะมีลิฟท์ให้กดขึ้นไปครับ เปิดประตูลิฟท์ออกมาเจอเลย ที่นี่จะเน้นให้ข้อมูลและความรู้เน้นเกี่ยวกับเมืองไทเปเป็นพิเศษ  แสดงทั้งวัฒนธรรมเก่าและวัฒนธรรมใหม่ มีภาพของว่าน ว่าน สาวจอมป่วน ที่เคยมีหนังสือภาพของเธอมาขายในเมืองไทย ที่ฮิตอยู่นานมาก มาแสดงที่ผนังกำแพงตรงด้านเข้าเลย

      เดินเข้ามาภายใน มีการวัฒนธรรมเพลงและภาพยนตร์ ผมชอบมุมนี้เพราะเขาเปิดเพลงจีนเก่า ที่คุ้นหูให้ฟังครับ อารมณ์รำลึกความหลังวัยเยาว์  และเพราะเห็นมีโปสเตอร์ภาพยนต์ Eat Drink Man Woman ภาพยนตร์ในหัวใจของผมด้วย  จำได้ว่าดูเรื่องนี้แล้วหิวมากกกก เพราะในเรื่องตัวละครที่รับบทคุณพ่อเป็นหัวหน้าเชฟ มีฉากทำอาหารจีนแบบสุดยอดมาก
      ได้ย้อนอดีตนึกถึงความประทับใจในอดีต เพราะปัจจุบันหนังไต้หวันไม่ค่อยได้รับความนิยมในไทยเท่าไหร่นัก เข้าฉายแบบเงียบๆ เข้าฉายแบบจำกัดโรงฉายมากกก







                 
        ชั้นล่างเกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม ธรรมชาติ การรักษาสิ่งแวดล้อม ชั้นบนจะเน้นเรื่องประวัติศาสตร์ บ้านเมือง ผังเมืองในอดีตของไทเป  และมีห้องชมภาพยนตร์แบบ 360 องศา ฉายทุกๆ ชั่วโมง ตอนไปมีคุณครูพาเด็กนักเรียนมาชมกันวิ่งเล่นอลหม่านอยู่ในโรงภาพยนตร์เลยครับ





              Bearindyz ไปกดใบเซียมซี ที่วัดจำลองมาด้วย พอถึงก้านที่กระบอก ก็มีกระดาษปริ้นท์ออกมาให้เลยครับ  ได้ใบที่มีความหมายดีๆ ด้วย ขอให้เป็นตามเถอะครับ สาธุ สาธุ

การเดินทาง
นั่งรถไฟฟ้ามาสถานี City Hall
ค่าเข้าชม ฟรี
เวลาที่ใช้ประมาณ 2 ช.ม. (รวมการดูภาพยนตร์ 360 องศา)