รถสาย 9 เป็นรถเมลล์เล็ก ใหญ่กว่ารถตู้นิดหน่อย มีเก้านี้นั่งไม่มากดังนั้นจึงโดนยืนไปตามระเบียบ รถจะวิ่งขึ้นเขาไปตามถนนแคบๆ ครับ ขอบอกว่าถนนที่นี่สูงชันและคดเคี้่ยวมาก แถมคุณพี่คนขับก็ชำนาญทางมาก จนขับเร็วเอาการครับ กว่าจะถึงป้ายทางต้องเกร็งตัวมาก เล่นเอาเมื่อยแขนเมื่อยขาพอควร
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงครับ อากาศด้านบนเหมือนอยู่บนดอย (ก็แน่ล่ะสิ....รถขับขึ้นภูเขามาเกือบชั่วโมงนี่นา) เย็นมากกก ต้นไม้แน่นหนามาก ขนาดเดือนมี.ค. ยังเย็นชุ่มชื่น มีมอสขึ้นเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมดเลยครับ เสียดายว่าต้นซากุระร่วงหล่นไปเยอะแล้ว เหลือไม่มากนัก แต่ดอกไม้อื่นๆ ก็สวยงามมากครับ
ได้เห็นนาฬิกาดอกไม้ แล้วก็ต่อสายรถเมลล์เล็กไปยังทุ่งดอกคลาร่าครับ ตอนแรกไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยวแอบดีใจว่าคนน้อยดีจัง แต่ที่ไหนได้พอต่อรถสาย 131 ตรงจุดจอดรถแถวนาฬิกาดอกไม้ พอถึงภูเขาสูงไปอีกขั้น ถึงได้ไปเจอบรรดานักท่องเที่ยว,และรถยนต์ไปจอดกันหนาแน่นที่ทุ่งดอกคาร่าสีขาว นักท่องเที่ยวไปอยู่ที่นั่นกันหมดเลยครับ เป็นแปลงปลูกดอกคลาร่าสีขาวครับ แต่ที่นี่เขาทำแปลงปลูกลัดเลาะโค้ง สอดรับกับภูมิประเทศ มองไปเห็นสลับกับวิวที่มีลำธาร และภูเขาสลับซับซ้อนสวยงามมากครับ
ด้านบนลมแรง อากาศหนา มีหมอก พูดออกมาเป็นไอเลยครับ แต่ bearindyz ไปในสภาพเสื้อแขนกุดและกางเกงขาสั้น สัมผัสลมเย็นๆเต็มที่ ผสานกับลมแรง พัดมาเย็นมากกกก
เราสามารถตัดดอกไม้ได้ครับ คิดราคาดอกละ 10 เหรียญ แต่ Bearindyz ไม่ได้ตัดกลับมานะครับ
มีร้านขายอาหาร หม้อไฟเปิดบริการนักท่องเที่ยวอยู่แต่ว่าร้านค่อนข้างน้อย แต่ของกินน่าสนใจครับ bearindyz ได้มีโอกาสลองกินหมั่วโถวรสชีสผสมงาดำ รสชาติเยี่ยมมาก กินตอนร้อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาว
ข้อแนะนำ
- มาวันธรรมดาน่าจะดี คนไม่เยอะ รถเมลล์ไม่เบียดมาก
- เตรียมเสื้อกันหนาวมาหน่อยเพราะอากาศน่าจะเย็นตลอด
- รองเท้าผ้าใบสำคัญมาก เพราะต้องเดินไปชมโน่นชมนี่ ไกลมากทีเดียว ขนาดผมว่าเดินทนแล้วนะ ยังเมื่อยขาต้องพักขาเลย
ที่นี่มีเทศกาลดอกไม้หลายครั้ง ลองเข้าไปดูที่เว็บไซด์ได้นะครับ (แต่อาจจะต้องหาในอากู๋ ยากหน่อยนะครับ เพราะเว็บหลักของที่นี่ เขาออกแบบเมนูเข้าใจยาก ต้องหาเปรียบเทียบจากเว็บท่องเที่ยวหลายๆอันหน่อย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น